22 ธ.ค. 2553

ทำโดนัทขาย ก็น่าจะดี

โดนัท

"โดนัท"ขนม มีรูตรงกลาง ใครก็นิยมรับประทาน ด้วยความหอมนุ่ม หวานอร่อย ถูกใจเด็ก ยิ่งนัก อย่าว่าแต่เด็กๆเลยครับ ผู้ใหญ่อย่างเราๆก็ชอบทานโดนัทเหมือนกัน ทานคู่กับชา หรือกาแฟอุ่นก็เข้าท่าดีเหมือนกัน สำหรับคนที่กำลังว่างงานอยู่หรือมองหาอาชีพเสริมรายได้ในตอนนี้ ลองทำโดนัทขายกันดูก็ดีนะครับ

ส่วนผสมที่จะนำมาทำคือแป้ง"โดนัท"มีแป้งสาลี ผงฟู น้ำตาลทราย เกลือ ไข่ นมสด น้ำมันพืชสำหรับทอด พิมพ์โดนัท

ส่วนผสม
-แป้งสาลี ใช้แป้งสาลีชนิดเบา หรือใช้แป้งเค้ก 1 ถ้วยตวง
-ผงฟู ใช้ผงฟูชนิดธรรมดา ต้องเป็นผงฟูใหม่ ตรวจดูว่าผงฟูใช้ได้หรือไม่ได้ ตักผงฟูใส่น้ำร้อน ถ้าผงฟูมีฟองอากาศ อย่างรวดเร็ว และจางลงทีละน้อย แสดงว่าผงฟูยังใช้ได้ถ้าใส่ในน้ำร้อนแล้วเกิดมีฟองอากาศน้อยหรือไม่มีฟองแสดงว่าผงฟูเสื่อมคุณภาพ หรือใช้เบกกิ้งโซดาหรือโซดา
ไบคาร์บอเนตแทนผงฟูใช้เบกกิ้งโซดา 2 ช้อนชา ผสมกับครีมออฟทารทาร์ 2 ช้อนชา แทนผงฟู 5 ช้อน
-น้ำตาล ใช้น้ำตาลทราย
-เกลือ ใช้เกลือป่น
-ไข่ไก่ใช้ไข่ใหม่ เพราะไม่เหม็นคาว และตีให้ขึ้นฟูง่าย
-นม ถ้าใช้นมผงแทนนมสด นมผง1 ส่วน ต่อน้ำ 3 ส่วน นมผง 4 ช้อนโต๊ะ เติมน้ำ 3/4 ถ้วยตวง จะได้นม
1 ถ้วยตวง ถ้าใช้นมข้นจืดแทนนมสดต้องเติมน้ำ 4 เท่าตัว นมข้นอีก 1/2 ถ้วยตวงเติมน้ำ 1/2 ถ้วยตวง
จะได้นมสด 1 ถ้วยตวง
-น้ำมัน สำหรับทอดใช้น้ำมันพืช หรือน้ำมันหมูพิมพ์โดนัต มีขนาดใหญ่ ขนาดกลาง และขนาดเล็ก
-ผงช็อกโกแลต เลือกผงช็อกโกแลตที่ใส่ประป็องใหม่
-ผงอบเชยป่น หรือผงลูกฉันทน์ป่น เพื่อให้เนื้อแป้งมีกลิ่นหอม

สูตรโดนัทที่ได้รับความนิยม ดังนี้

โดนัทน้ำตาล
ส่วนผสม
แป้งสาล 4 ถ้วยตวง
ไข่ไก่ 2 ฟอง
นมสด 1 ถ้วยตวง
น้ำตาลทรายเม็ดเล็ก 1 ½ ถ้วยตวง
เกลือป่น 2 ช้อนชา
อบเชยป่น 1/4 ช้อนชา
ผงฟู 4 ช้อนชา
น้ำมันพืช 4 ช้อนโต๊ะ
น้ำมันสำหรับทอด 2 ถ้วยตวง

วิธีทำ
1.ร่อนแป้งสาลี แล้วนำเอาแป้งที่ร่อนแล้ว ผสมผงฟู อบเชยป่น ร่อน ผสมผงฟูและอบเชยป่นแล้วร่อนรวมกันอีกครั้ง
2.ต่อยไข่ไก่ 2 ฟอง ใส่ชามแก้ว ตีให้ขึ้น ใส่น้ำตาลทรายป่นละเอียดทีล่ะน้อย
3.ใส่นมสดและน้ำมันพืช 4 ช้อนโต๊ะ แล้วเพิ่มแป้งสาลีลงไปจนหมด คนจนแป้งเป็นเนื้อเดียวกัน
4.นำแป้งมาวางบนกระดานนวดแป้ง แผ่แผ่นแป้งออกให้หนาประมาณ 1/2 นิ้วฟุต แล้วตัดด้วยพิมพ์โดนัทขนาดใหญ่ หรือปั้นเพื่อให้เป็นรูปวงแหวนมีรูตรงกลาง ทำจนหมดแป้ง
5.ใส่น้ำมันลงในกระทะก้นลึก ตั้งไฟให้ร้อนใช้ไฟปานกลาง ใส่แป้งโดนัทลงทอดจนเหลืองทั้งสองด้าน ตักขึ้นพักให้สะเด็่ดน้ำมัน
6.นำมาวางบนกระดาษซับน้ำมันแล้ว จึงโรยน้ำตาลทรายลงบนโดนัทให้ ทั่ว


โดนัทไส้สับปะรด
ส่วนผสม
แป้งโดนัท น้ำตาลทราย l ส่วน
สับปะรดกระป๋อง 1/2 ถ้วยตวง
สตรอว์เบอร์รี่ไอซิ่ง l ส่วน
ไข่ไก่ (เฉพาะไข่ขาว) 1 ฟอง
น้ำตาลทรายละเอียด 1 ถ้วยตวง
น้ำมันพืชสำหรับทอด 2 ถ้วยตวง

วิธี ทำ
1.นำแป้งโดนัทที่นวดได้ที่แล้ว คลึงนวดบนแผ่นกระดาน นวดแป้งให้ยาวประมาณ 1/ 2 นิ้ว ใช้พิมพ์โดนัท ตัดแป้งเป็นชิ้น
2.นำสับปะรดเคล้ากับน้ำตาลทราย แล้วตัดไส้สับปะรดใส่ตรงกลาง แป้งแต่ละชิ้น ใช้ไข่ขาวทาริมแป้ง แล้วนำแป้งประกบเข้าด้วยกัน บีบริมให้แน่น
3.ใส่น้ำมันในกระทะ ตั้งไฟให้ร้อน ทอดโดนัทให้สุกเหลือง มีสตรอเบอรี่ไอซิ่งเป็นเส้นแต่งหน้า

*** ส่วนผสมสตรอว์เบอร์รี่ไอซิ่ง
ซอสเทนนิ่ง ½ ถ้วยตวง
นมสด ½ ถ้วยตวง
เนย 1 ช้อนโต๊ะ
น้ำตาลไอซิ่ง 3 ถ้วยตวง
เกลือป่น ½ ช้อนชา
กลิ่นสตรอว์เบอร์รี่ 1 ช้อนชา

วีธีทำ
ซอสเทนนิ่ง น้ำตาลไอซิ่ง เนย เข้าด้วยกัน ตีให้เข้ากันด้วยเครื่องไฟฟ้า เติม เกลือป่น กลิ่นสตรอว์เบอร์รี่ นมสด แล้วตีให้เข้ากัน ใส่ กรวยกระดาษไว้แต่งหน้าโดนัท

โดนัทช๊อกโกแลตเคลือบ
ส่วนผสม
แป้งโดนัต น้ำตาล 1 ส่วน
ผงช็อกโกแลตฟัดจ์ไอซิ่ง 1 ส่วน
ผงช็อกโกแลตเม็ดเล็กแต่งหน้า 1 ถ้วยตวง
น้ำมันพืชสำหรับทอด 2 ถ้วยตวง

วิธีทำ
1. สวนผสมของแป้งโดนัตที่นวดแล้ว คลึงกับแผ่นกระดานนวดแป้ง หนาประมาณ 1/2 นิ้ว ใช้พิมพ์โดนัทตัดแป้ง
2.ตั้งกระทะใส่น้ำมัน ตั้งไฟให้ร้อน ใฟ
3.ใส่โดนัทลงทอดให้สุกเหลือง
4.ตักวางบนกระดาษซับน้ำมัน
5.โรยหน้าด้วยช็อกโกแลตฟัดจ์ไซิ่ง โรยทับด้วยช็อกโกแลตเม็ดเล็กให้ทั่ว


***ส่วนผสมของช็อกโกแลตฟัดจ์ไอซิ่ง
ช็อกโกแลตหั่นเป็นชิ้นเล็กๆ 2 ช้อนโต๊ะ
ผงโกโก้ 1 ช้อนชา
น้ำตาลละเอียด 3 ถ้วยตวง
น้ำผึ้ง 1/2 ช้อนโต๊ะ
น้ำอุ่น 1/2 ถ้วยตวง
เนยละลาย 2 ช้อนโต๊ะ
นำส่วนผสมทั้งหมดใส่ในหม้อตุ๋นไข่ ใช้ไฟอ่อนๆ ตุ๋นให้ละลายเข้ากัน


เยลลี่โดนัท
ส่วนผสม
แป้งสาลีร่อนแล้ว 3 1/2 ถ้วยตวง
เยลลี่สตรอเบอรี่ 1 ถ้วยตวง
ไข่ไก่ 1 ฟอง
ไข่ไก่(เฉพาะไข่ขาว) 1 ฟอง
นมสดอุ่น1 ถ้วยตวง
น้ำตาลทรายป่น 1/4 ถ้วยตวง
น้ำตาลไอซิ่ง 1 ถ้วยตวง
เกลือป่น 1 ช้อนชา
ยีสต์แห้ง 1 ช้อนชา
เหล้ารัม 2 ช้อนชา
น้ำมันพืช 2 ช้อนโต๊ะ
น้ำมันพืชสำหรับทอด 2 ถ้วยตวง

วิธีทำ
1.ร่อนแป้งสาลี น้ำตาล และเกลือรวมกันใส่ชามลงผสม โรยยีสต์ในนมอุ่นพักไว้ 5 นาที ผสมแป้ง น้ำมัน ไข่สดตีให้แตก เหล้ารัมเข้าด้วยกัน ใส่ลงผสมกับยีสต์ นวดให้เท่ากัน ตะล่อมแป้งให้เป็นก้อน พักไว้จนแป้งฟู
2.นำแป้งออกมานวดให้ยุบตัว
3.แผ่แป้งบนกระดาษนวดแป้งที่โรยนวลแป้งไว้ ให้แป้งหนา 1/2 นิ้วตัดเป็นวงกลม ตักเยลลี่ 1 ช้อนชา ใส่ตรงกลางแป้งแต่ละชิ้น ไข่ขาวทาริมแป้ง แล้วนำมาประกอบกันบีบให้แน่นพักไว้ 20 นาที
4.ใส่น้ำมันในกระทะ ใส่โดนัตลงทอดให้เหลืองทั้งสองด้าน
5.ตักวางบนกระดาษซับน้ำมัน โรคน้ำตาลไอซิ่ง


เหล่านี้เป็นวิธีการคร่าวๆ ทดลองตามดูได้ครับ ลองหมั่นดัดแปลงพลิกแพลงสูตรจนได้รสชาติที่ เราพอใจ หมั่นสังเกต สอบถามความพอใจของลูกค้าว่า ถูกใจ ชอบใจตรงไหน นำมาปรับปรุง รับรอง จะต้องดีขึ้นเรื่อยๆครับ เป็นกำลังใจให้ทุกๆคน

14 ธ.ค. 2553

ขายหอยทอด

ขายหอยทอด



หอยทอดเป็นอาหารตามสั่งที่หลายๆคนชอบทานกันเป็นประจำ เพราะอร่อย มีคุณค่าทางสารอาหารครอบถ้วน อิ่มอร่อยพอดี 1 มื้อ หอยทอดร้อนๆหอมกรุ่นใหม่ๆจากเตา แป้งกรอบนอกนุ่มใน หอยตัวใหญ่อ้วนๆ ราดด้วยซอสพริกหรือน้ำส้มพริกดอง เหยาะพริกไทยป่นหอมๆอีกนิดหน่อย แค่คิดก็น้ำลายสอแล้ว วันนี้มีสูตรหอยทอดอร่อยมาฝากท่านที่กำลังมองหาอาชีพเสริมหลังงานประจำ ขายหอยทอดตามตลาดนัดตอนเย็นก็ดีไม่น้อย

เครื่องปรุง
หอยแมลงภู่ แกะเปลือกออกแล้ว 2 ถ้วยตวง
แป้งมันเทศ 1 ถ้วยตวง
แป้งข้าวเจ้า ½ ถ้วยตวง
แป้งสาลี 1/2 ถ้วยตวง
น้ำ 2 ถ้วยตวง
ไข่เป็ด 10 ฟอง
ถั่วงอก 1 กก.
กระเทียมสับ 20 หัว
พริกไทยป่น
ต้นหอมผักชีหั่น 1 ถ้วยตวง
น้ำปลา น้ำตาล น้ำสัมพริกดอง ซอสพริก

วิธีทำหอยทอด
1.ผสมแป้งมันเทศ แป้งข้าวเจ้า แป้งสาลี เติมน้ำคนให้เข้ากัน พอแป้งข้นติด หลังมือ
2.ทำความสะอาดหอยแมลงภู่ที่แกะออกจากเปลือก ตัดเกษรดำออก
3.ตั้งกระทะแบนเรียบ(กระทะหอยทอด)ใส่น้ำมันใช้ทัพพีกลมตักแป้งใส่หอยแมลงภู่ประมาณ 10 ตัว เทสาดลงจนกระทั่งให้แป้งบางเท่ากัน ตรงไหนไม่มีหอยก็จัดวางหอยให้ทั่ว น้ำมันใส่ให้ชุ่ม
4.ต่อยไข่ใส่ละเลงจนทั่ว พอไข่สุกกลับแล้วใช้้ตะหลิวกับทัพพีตัดเป็นชิ้นๆใส่กระเทียมเจียวในน้ำมัน ผัดใส่ถั่วงอก 1 กำมือ ใส่น้ำปลา 1 ช้อนโต๊ะผัดกลับ 2 ที
5.ตักใส่จานเวลาเสิร์ฟ โรยพริกไทย ใส่ต้นหอม ผักชีรับประทานกับน้ำสัมพริกดอง หรือซอสพริก

***เคล็ดลับหอยแมลงภู่จะอร่อย
หอยทอด

ต้องแห้งกรอบ ถั่วงอกไม่สุกมาก หอยสด อย่าวางหอยบนน้ำแข็ง น้ำแข็งจะชะความหวาน ควรใส่หอยแช่ ในถุงพลาสติกวางบนน้ำแข็งเพื่อให้หอยสดเสมอ

24 พ.ย. 2553

ขายหมูปิ้ง ข้าวเหนียวนึ่ง

ข้าวเหนียวหมูปิ้ง
ขายหมูปิ้ง ข้าวเหนียวนึ่ง หมูปิ้งเสียบไม้ย่างร้อนๆด้วยไฟถ่าน ขายพร้อมข้าวเหนียวนึ่งร้อนๆ รวมทั้งเนื้อ ปิ้งไก่ปิ้ง เป็นอาหารในตอนเย็น ลงทุนน้อยได้กำไรวันต่อวัน ไม่ต้องรอเวลาถึงสิ้นเดือน
ถ้าขายดีมีผู้อุดหนุนมาก ก็สามารถยึดเป็นอาชีพหลักได้สบาย เพียงเริ่มลงทุนซื้อหมดเพียง 4-5 กิโลกรัม ข้าวเหนียว 2 กิโลกรัม ทดลองทำดู ถ้า
ขายดีก็เพิ่มขึ้นตามส่วน เพียงลงทุน เล็กน้อยเท่านั้นก็สามารถทำกำไรได้วันละ 200-300 บาทได้สบายๆ ซึ่งเป็นการท้าทายให้ทดลองทำดู

ข้าวเหนียวนึ่ง
ข้าวเหนียว 1 กก.
วิธี ทำ
1.นำข้าวเหนียวมาเก็บผงออก แช่น้ำแกว่งสารส้มแล้วแช่น้ำ 1-3 ชั่วโมง สงขึ้นให้ สะเด็ดน้ำ
2.ใส่ลงถึงนึ่งให้สุกใช้เวลา 20 นาที ปูผ้าขาวบางในกระติกที่ใช้สำหรับ ใส่น้ำแข็ง ใส่ข้าวเหนียวนึ่งปิดฝาไว้ จะสามารถเก็บความร้อนของข้าวเหนียวได้ นาน ขายถุงละ 5-10 บาท

หมูปิ้ง
เครื่องปรุง
เนื้อแดง หมูเนื้อปนมัน หรือเนึ้อส่วนคอหมู 2 กก.
พริกไทย รากผักชี กระเทียมโขลกละเอียด 2 ช้อนโต๊ะ
เกลือป่น ½ ช้อนโต๊ะ
น้ำตาลทราย 2 ช้อนโต๊ะ
ซีอิ๊วดำ 2 ช้อนโต๊ะ
หัวกะทิ 1/2 ถ้วยตวง
ซีอิ๊วขาว 2 ช้อนโต๊ะ
น้ำมันพืช 1 ช้อนโต๊ะ

วิธี ทำ
1.นำเนื้อหมูมาหั่นเป็นชิ้นสี่เหลี่ยมบางๆ ขนาด 2 x 2 นิ้วฟุต คลุกกับพริก ไทย กระเทียม รากผักชี เกลือป่น 1/4 ช้อนโต๊ะ ซีอิ๊วดำ 2 ช้อนโต๊ะ ซีอิ๊วขาว 2 ช้อนโต๊ะ น้ำตาลทราย 2 ช้อนโต๊ะ น้ำมันพืช หมักไว้ 6 ชั่วโมงแช่ตู้เย็นช่องแช่เนื้อ
2. แล้วนำออกมาเสียบไม้ไม้ละ 2 ชิ้น
3.นำมาย่างบนตะแกรงใช้เตาถ่าน ใช้หัวกะทิพรมขณะที่ย่าง ต้องระวังอย่าให้ไหม้ คอยใช้กรรไกรตัดส่วนที่ไหม้ออกบ้างจะทำให้มองดูน่ากิน จะขายได้ไม้ละ 3 บาท หรือ 7 ไม้ 20 บาท รับประทาน กับข้าวเหนียวนึ่ง 5 บาท
ข้าวเหนียวหมูปิ้ง

ไก่ปิ้ง
เครื่อง ปรุง
ใช้เนื้อส่วนอกไก่ หรือปีกไก่ ขาไก่ หรือโครงไก่ 2 กก.
พริกไทย กระเทียม รากผักชีโขลกละเอียด 2 ช้อนโต๊ะ
เกลือป่น 2 ช้อนโต๊ะ
ซีอิ๊วขาว หรือซีอิ๊วดำ 2 ช้อนโต๊ะ
น้ำตาลทราย 2 ช้อนโต๊ะ
น้ำมันพืช ช้อนโต๊ะ
หัวกะทิ 1 ถ้วยตวง
วิธี ทำ
1.นำเนื้อไก่มาหั่นเป็นชิ้นสี่เหลียมบางๆ ขนาด 2 x 2 นิ้วฟุต คลุกกับพริก ไทย กระเทียม รากผักชี เกลือป่น ซีอิ๊วดำ ซีอิ๊วขาว น้ำตาลทราย น้ำมันพืช หมัก ไว้ 6 ชั่วโมง
2.แล้วนำมาเสียบไม้ไม้ละ 2 ชิ้น ถ้าเป็นปีก ขา ชิ้นส่วนซี่โครง เสียบไม้ ละ 1 ปีก 1 ชิ้น ตามความเหมาะสม
3.นำมาย่างบนตะแกรงใช้เตาถ่าน ขณะที่ย่าง พรมหัวกะทิให้มีกลิ่น และมองดูชิ้นไก่ชุ่มน่ารับประทาน


ข้าวเหนียวหมูหรือเนื้อผัดหวาน
เครื่อง ปรุง
ข้าวเหนียวขาวน้ำ แช่น้ำ 1 คืน 1กก.
ใบเตย 1 มัด

วิธี ทำ
ซาวข้าวเหนียว แกว่งสารส้มแช่น้ำ เรียงใบเตยในลังถึง ใส่ข้าวเหนียวนึง ให้สุก ตักใส่กระติกพลาสติก เพื่อให้ร้อนตลอดเวลา

เส้นหมูหวานผัด
ส่วนผสม
หมูเนื้อแดง 1 กก.
น้ำตาลมะพร้าว 1 ถ้วยตวง
ซีอิ๊วขาว 1/2 ถ้วยตวง
น้ำมันพืช 1/2 ถ้วยตวง
หอมเจียว 2 ช้อนโต๊ะ
กระเทียมเจียว 2 ช้อนโต๊ะ

วิธีทำ
1.ล้างเนื้อหมู แล้วนำหมูมาแล่ตามยาวให้เป็นแผ่นบางๆ นำไปต้มพอสุก
2.นำมาผัดเนื้อหมูกับน้ำมันให้แห้งกรอบ ใส่น้ำตาล ซีอิ๊วขาวผัดจนเป็นสีน้ำตาล เหนียวข้น ตักขึ้นโรยหอมเจียว กระเทียมเจียว รับประทานกับข้าวเหนียว

วิธีทำเนื้อเค็มผัดหวาน
ส่วนผสม
เนื้อวัว 1 กก.
น้ำตาลทราย 1/2 กก.
หอมซอยเจียว 2 ช้อนโต๊ะ
กระเทียมเจียว 2 ช้อนโต๊ะ
น้ำมันพืช 1 ถ้วยตวง
วิธีทำ
1.นำเนื้อมาล้างน้ำ ปิ้งพอสุก แล้วนำมาฉีกให้เป็นฝอย
2.ผัดกับน้ำมันจนเหลืองกรอบใส่น้ำตาลทรายผัดต่อจนน้ำตาลละลายเข้ากันดี ใช้ไฟอ่อนๆ
3.ตักใส่ภาชนะโรยหอมเจียว กระเทียมเจียว สำหรับรับประทานกับข้าวเหนียวนึ่ง

17 พ.ย. 2553

ข้าวเหนียวมะม่วง

ข้าวเหนียวมะม่วงต้องเลือกมะม่วงแบบไหนดี
ข้าวเหนียวมะม่วงถ้าจะให้ขาย ทำเงินได้ดี ต้องขายคู่กับมะม่วงน้ำดอกไม้ ที่บ่มไม่ให้เกิน 2 วัน บ่มแล้วเปิด 4 วันมะม่วงจะกำลังอร่อย และหากมีผู้ส่งมะม่วงน้ำดอกไม้ให้เป็น ประจำได้ก็จะสะดวกมากยิงขึ้น
ข้าวเหนียวมูนก็รู้วิธีการทำไปแล้ว รับประทานกับ มะม่วงอะไรจึงจะอร่อยก็บอกไปแล้ว แต่ถ้าข้าวเหนียวมะม่วง ขาดกะทิหยอดหน้า ลูกค้ามักไม่ชอบใจ
ข้าวเหนียวมะม่วง

**คำแนะนำ
ภาชนะที่ใช้มูนข้าวเหนียว ควรใช้ภาชนะสแตนเลส ภาชนะพลาสติก หรือภาชนะเคลือบ ไม่ควรใช้ภาชนะอะลูมิเนียม เพราะจะทำให้
กะทิมีสีคล้ำ ข้าวเหนียวมูนสีไม่สวย

การทำข้าวเหนียวมะม่วงมี 2 สูตรจะแนะนำ
1.ทำกินเอง ทำข้าวเหนียวมูน (ขนาด 1 กิโลกรัม)
2.ส่วนผสมสำหรับข้าวเหนียวมูน (ขนาด 5 กิโลกรัม)


**1.ข้าวเหนียวมูนขนาด 1 กิโลกรัม มีส่วนผสมดังนี้
1. ข้าวเหนียวเขี้ยวงู 1 กก.
2. มะพร้าวขูด 1.2 กก.
3. นำตาลทรายไม่ฟอกขาว 1/2 กก.
4. เกลือป่น ½ ห่อ (40 กรัม)

วิธีทำข้าวเหนียวมูน
1.การขัดข้าวเหนียวกับสารส้มก้อนไม่ควรออกแรงมากเกินไป เพราะจะทำให้เม็ดข้าวแตก หัก ข้าวเหนียวที่จัดกับสารส้มเมื่อนำมามูนแลัว ข้าวเหนียวมูนจะเงาสวย
2.แช่ข้าวเหนียวนานประมาณ 3 ชัวโมง
3.ตั้งน้ำให้เดือด ใช้ผ้าขาวบางอย่างบางรองก้นลังถึง พอน้ำเดือด ใส่ข้าวเหนียวลงในลังถึง ใส่ใบเตยมัดลงไปด้วย โดยเอาข้าวเหนียวกลบไว้ ตลบชายผ้าขาวบางขึ้นมาปิดข้าวเหนียว
ยกลังถึงตั้งบนเตานึ่งที่น้ำกำลังเดือด ปิดฝาลังถึง การปิดฝาข้าวเหนียวมูน จะทำให้ข้าวเหนียวร้อนระอุขื้นสวย เพราะฉะนั้นภาชนะที่ใช้ทำฝาปิดต้องมิดชิด นึ่งประมาณ 15 นาที
ใช้พายไม้กลับข้าวเหนียวในลังถึงเอาข้าวด้านบนลงด้านล่าง เพื่อให้สุกสม่ำเสมอ และนึ่งต่ออีกประมาณ 5 นาที
4.ยกลงเทข้าวเหนียวนึ่งลงในภาชนะที่ใส่ใบเตยเอาไว้ ใส่น้ำกะทิที่เตรียมไว้ลงไปขณะข้าวเหนียวนึ่งยังร้อนๆ ใช้ไม้พายคนคลุกเคล้าให้เข้ากัน
เก็บใบเตยออก คนให้น้ำกะทิงวดลง หาฝามาครอบภาชนะที่ใช้มูนข้าวเหนียวเพื่ออบไว้สักครู่ หรือประมาณ 10 นาที แล้วคนต่อจากนั้นปิดฝาอบข้าวเหนียวมูนต่อไป
ข้าวเหนียวมูนพอแห้ง หรือน้ำกะทิงวดไปแล้ว ข้าวเหนียวมูนจะฟูขึ้นมาอีก

ส่วนผสมสำหรับกะทิหยอดหน้าข้าวเหนียวมะม่วง(สำหรับข้าวเหนียว 5 กิโลกรัม)
หัวกะทิสด 2 กก.
หางกะทิ (มาจากมะพร้าวที่คั้นหัวกะทิสด 2 กก.)
แป้งทอดหยอด 2 ช้อน
เกลือ 1/2 ช้อนโต๊ะ

วิธีทำ
นำหัวกะทิสดเทใส่ภาชนะ ตั้งไฟ มัดใบเตยลงต้มพร้อมหัวกะทิด้วย พอใกล้เดือดให้ผสมแป้งทอง
หยอด 2 ช้อน กับหางกะทิในภาชนะ พอแป้งทองหยอดละลาย เทลงในหม้อต้มหัวกะทิ คนให้ละลาย พอเดือด ยก ลง

คำแนะนำ
-หางกะทิเป็นหางของมะพร้าวที่นำมาคั้นหัวกะทิสด 2 กิโลกรัม ให้ใช้หางกะทิเฉพาะส่วนที่ลอยอยู่ด้านบนของถุง ส่วนน้ำใสๆ ด้านล่างให้เจาะทิ้ง
-แป้งทองหยอด
-ถั่วทองสำหรับโรยหน้าข้าวเหนียวหน้ามะม่วง ให้นำถั่วแช่น้ำ ผึ้ง คั่วเก็บไว้ใช้ หรือจะซื้อสำเร็จรูปจากร้านค้า
ข้าวเหนียวมะม่วง

**2.ส่วนผสมสำหรับข้าวเหนียวมูนขนาด 5 กิโลกรัม (ทำสำหรับขาย)
1. ข้าวเหนียวเขี้ยวงู 5 กิโลกรัม
2. มะพร้าวขูด 6 กิโลกรัม
3. นำตาลทรายแบบไม่ฟอกสี 2.5 กิโลกรัม
4. เกลือป่น 2 ½ ห่อ(ขนาดห่อละ 80 กรัม )
**ข้าวเหนียวมูนสูตรนี้ เมื่อทำเสร็จแล้วจะได้ข้าวเหนียวมูนประมาณ 11 กิโลกรัม

วีธีทำ
1. เทข้าวเหนียวเขี้ยวงูใส่กะละมังนำสารส้มแบบก้อน มาขัดกับข้าวเหนียว ขัดแบบแห้งๆ เพื่อเอายางที่เคลือบข้าวออก สีของข้าวเหนียวจะสวยขึ้น
2.นำข้าวเหนียวไปขัดกับสารส้มในน้ำต่ออีกสักพัก จากนั้นซาวน้ำล้างข้าวเหนียว เพื่อเอาสารส้มออก สังเกตเวลารินน้ำทิ้งครั้งแรก
น้ำซาวข้าวเหนียวจะเป็นสีขุ่นล้างต่อไป จนน้ำเริ่มใส ระหว่างนี้หากพบสิ่งแปลกปลอมต่างๆ ที่ติดมากับข้าวเหนียวก็เก็บทิ้งให้หมด
3.แช่ข้าวเหนียวทิ้งไว้ไม่เกิน 3 ชั่วโมง ก่อนนำไปนึ่ง

เตรียมกะทิสำหรับมูนข้าวเหนียว
1. เทหัวกะทิสดประมาณ 3.6 กิโลกรัม ใส่ภาชนะ และไม่แนะนำให้ใช้กะทิกล่องเพราะไม่สด ไม่อร่อยเหมือนมะพร้าวขูด
2.ใส่เกลือตราชาวนาไทย 2 1/2 ห่อ (ขนาดห่อละ 80 กรัม )ข้าวเหนียว 1/2 กิโลกรัม จะใช้เกลือ 1/2 ห่อ
3. ใส่น้ำตาลทรายมิตรผล ชนิดไร้สารฟอกขาว 2 1/2 กิโลกรัม (ข้าวเหนียว 1 กิโลกรัมจะใช้น้ำตาลทรายมิตรผล 1/2 กิโลกรัม)
4. ใช้ใบเตยขยำส่วนผสมทั้งหมด (ข้อ 1-2-3) จนน้ำตาลทรายละลาย
5. กรองส่วนผสมด้วยผ้าขาวบางอย่างหนา เก็บกะทิสำหรับมูนข้าวเหนียวไว้ในภาชนะปิดฝาให้
เรียบร้อย ส่วนผสมนี้ทำเก็บไว้ได้โดยไม่ต้องกลัวว่ากะทิจะเสีย และไม่ต้องเอาส่วนผสมนี้แช่ในตู้เย็น สามารถ ตั้งทิ้งไว้ได้


การนึ่งและการมูนข้าวเหนียว 5 กก.
1.พอแช่ข้าวเหนียวได้ที่(3 ชั่วโมง)ให้ใช้กระชอนใหญ่ๆ ช้อนข้าวเหนียวออกจากกะละมังที่แช่ข้าวเหนียว เอาใส่ตะแกรงพักไว้ให้สะเด็ดน้ำ ตั้งน้ำให้เดือด


2.ใช้ผ้าขาวบางอย่างบางรองก้นลังถึง พอน้ำเดือด ใส่ข้าวเหนียวลงในลังถึง (หลังถึงเบอร์ 44 )ใส่ใบเตยมัดลงไปด้วย โดยเอาข้าวเหนียวกลบไว้ ตลบชายผ้าขาวบางขึ้นมาปิดข้าวเหนียว


3.ยกลังถึงตั้งบนเตานึ่งที่น้ำกำลังเดือด ปิดฝาลังถึง การนึ่งข้าวเหนียว 5 กิโลกรัม จะใช้เวลาประมาณ 30 นาที ข้าวเหนียว 2 กิโลกรัม ใช้เวลา นึ่งประมาณ 15 นาที พอนึ่งข้าวเหนียวได้ประมาณ 20 นาที ให้ใช้พายไม้กลับข้าวเหนียวในลังถึงเอาข้าวด้านบนลงด้านล่าง เพื่อให้สุกสม่ำเสมอ และนึ่งต่ออีกประมาณ5 นาที


4.ยกลงเทข้าวเหนียวนึ่งลงในภาชนะที่ใส่ใบเตยเอาไว้ ใส่น้ำกะทิที่เตรียมไว้ลงไปขณะข้าวเหนียวนึ่งยังร้อนๆ ใช้ไม้พายคนคลุกเคล้าให้เข้ากัน(ลักษณะการคนจะเหมือนกับการเอาไม้พายกวนในภาชนะหรือกะละมัง)
เก็บใบเตยออก คนให้น้ำกะทิงวดลง หาฝามาครอบภาชนะที่ใช้มูนข้าวเหนียวเพื่ออบไว้สักครู่ หรือประมาณ 10 นาที แล้วคนต่อจากนั้นปิดฝาอบข้าวเหนียวมูนต่อไป ข้าวเหนียวมูนพอแห้ง หรือน้ำกะทิงวดไปแล้ว ข้าวเหนียวมูนจะฟูขึ้นมาอีก ทำให้ตักขายได้ง่ายกว่าข้าวเหนียวมูนที่ยังเปียกอยู่

9 ก.ย. 2553

ขายก๋วยเตี๋ยวเรือ

ก๋วยเตี๋ยว
อาชีพขายก๋วยเตี๋ยวนั้นเป็นอาชีพที่ดี เพราะก๋วยเตี๋ยวเป็นอาหารประจำวันที่คนส่วนใหญ่ชอบกินกันมากๆ ก๋วยเตี๋ยวนั้นดีต่อสุขภาพเพราะเป็นอาหารที่ต้องปรุงสุกใหม่ๆและผ่านความร้อน อีกทั้งยังมีสารอาหารครบ 5 หมู่ในชามเดียว การขายก๋วยเตี๋ยวสามารถทำเป็นได้ทั้งอาชีพหลักและอาชีพเสริม ก๋วยเตี่ยวแบ่งออกเป็นหลายชนิด เช่น ก๋วยเตี๋ยวเรือ ผัดซีอิ๊ว ผัดไทย เย็นตาโฟ ก๋วยจั๊บ บะหมี่ต่างๆ และราดหน้า
หากท่านกำลังมองหาอาชีพว่า จะขายอะไรดี วันนี้ขอเสนอการขายก๋วยเตี๋ยวเรือ หากอยากขายก๋วยเตี๋ยวเรือ เราต้องมีความรู้อะไรบ้าง

การเลือกเส้นก๋วยเตี๋ยว
เส้นก๋วยเตี๋ยว เป็นสิ่งที่มองข้ามไม่ได้ เส้นก๋วยเตี๋ยวแบ่งออกเป็นหลายประเภท ต้องเลือกใช้ให้ถูก
เส้นก๋วยเตี๋ยวทีจะใช้ มีเส้นเล็ก เส้นหมี่ เส้นใหญ่ และบะหมี่ เส้นก๋วยเตี๋ยว มีหลายยีห้อให้เลือกใช้ ยกเว้นเส้นใหญ่ จะมีแบบเส้นสด ซื้อวันต่อวัน เส้นก๋วยเตี๋ยวที่ดีต้องมีความเหนียว

การปรุงก๋วยเตี๋ยวนั้น หัวใจหลักอยู่ที่น้ำชุป จะอร่อยหรือไม่ อยู่ที่ตรงน้ำซุปก๋วยเตี๋ยวนี้นี่เองะ น้ำซุปจะอร่อยได้ที่นั้น เครื่องปรุงน้ำซุปต้องครบสูตร และต้องพร้อมจริงๆ

สูตรน้ำซุปก๋วยเตี๋ยวเรือ
ส่วนผสมเครื่องปรุงน้ำซุปก๋วยเตี๋ยวเรือ
กระดูกหมู 1.50 กก.
กระเทียมดอง 1 ถุงเล็ก(5บาท)
น้ำตาลโอทึ้ง 1 กระบวย
เหล้าเซี่ยงชุน 1/2 กระบวย
เต้าเจี้ยวสูตร 2 1/2 กระบวย
รากผักชี 1 กำมือ
ใบเตย 1 กำมือ
รสดี 1 1/2 ซอง
ผงชูรส 2 ช้อนโต๊ะ
เกลือป่น 1 1/2 ช้อนโต๊ะ
เต้าหู้ยี้ 1 1/2 ก้อน
ซอสภุเขาทอง 2 กระบวย
ซีอิ๊วขาว (สูตร5) 1 กระบวย
ซีอิ๊วดำ (สูตร5) 1/2 กระบวย
กระเทียมสดตำละเอียด 2 ช้อนโต๊ะ
พริกหอม 2 ช้อนโต๊ะ
ข่าหั่นแว่น 2 หัว
เม็ดผักชี 1 ช้อนโต๊ะ
อบเชย 1/2 ขีด
โป๊ยกั๊ก 1 ช้อนโต๊ะ
กะทิสด 1 กก.
เลือดสด 2 กระบวย

***กระบวยที่ใช้ เป็นกระบวยเบอร์ 2 เส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 4.8 นิ้ว

วิธีทำ
- ใช้หม้อน้ำซุปก๋วยเตี๋ยว เบอร์ 16 (เส้นผ่าศูนย์กลางปากหม้อ 16 นิ้ว) เติมน้ำลงไปประมาณ 14 ลิตร ตั้งไฟ
- ล้างทำความสะอาดกระดูกหมูให้ดี พักไว้ให้สะเด็ดน้ำ พอน้ำเดือดให้นำเอากระดูกโส่ลงไป เสร็จแล้วปิดฝาหม้อทิ้งไว้
- รอน้ำเดือดอีกครั้ง ให้นำเครื่องปรุงทั้งหมด ผสมลงไปในกะละมัง ยกเว้น รากผักชี พริกหอม เม็ดผักชี โป๊ยกั้ก และอบเชย ให้นำไปห่อในผ้าขาวบาง
พอน้ำเดือด ให้เอาเครื่องปรุงที่ผสมไว้แล้ว (ในกะละมัง) ลงหม้อชุป และปิดฝาหม้อเพื่อเร่งน้ำให้เดือด
- พอน้ำเดือดครั้งที่3 ใส่กะทิเเละเลือดสดลงไป ทันทีทีใส่เลือดและกะทิ ใช้ที่ลวกเส้นก่วยเตี๋ยวตีน้ำในหม้อ ประมาณ 4-5 นาที เพื่อไม่ให้เลือดและกะทิ
จับตัวกันจนเป็นก้อน และทำให้ส่วนผสมทั้งหมดเป็นเนื้อเดียวกัน
- ขั้นตอนสุดท้าย ให้นำเครื่องปรุงที่ห่อผ้าขาวบาง โขลกพอแตกๆ แล้วใส่ลงในหม้อน้ำซุปก๋วยเตี๋ยว ตามติดด้วยใบเตย และข่า ก็เป็นอันเสร็จขั้นตอนนี้

**เคล็ดลับ
ควรนำเม็ดผักชี อบเขยและโป๊ยกั้ก ไปคั่วรวมกันให้พอเหลืองๆ เพื่อเพิ่มความหอม ก่อนนำมาโขลกพอหยาบๆ ก่อนนำมาห่อด้วยผ้าขาวบาง เพื่อไม่ให้เครืองเทศเหล่านี้กระจายในหม้อน้ำซุปก๋วยเตี๋ยว
การผสมกะทิสดลงไป จะทำให้น้ำซุป รสเข้มข้น กลมกล่อม หอมหวาน แต่กะทิต้องสดจริงๆ

- หมอต้มน้ำซุป ควรแยกกันระหว่างเนื้อ และหมู รวมถึงอุปกรณ์ต่างๆ เพราะลูกค้าบางคนจะไม่
- บางครั้งเลือดหมู มักจะเป็นก้อน วิธีแก้คือ นำเอาตะไคร้มาทุบเอาเฉพาะน้ำแล้วมาละลายกับเลือดหมูไก่จะทำให้เหมือนเดิมได้
- การปรุงเครื่องปรุงในกะละมัง จะทำให้ง่ายต่อการแก้ไข กรณีทีมีการเติมเครื่องปรุงบางตัวผิดล
ซึ่งมักจะเกิดกับมือใหม่
- น้ำตาลโอทึ้ง อาจจะใช้อ้อยสดๆ ประมาณ 2-3 ข้อ มาย่างไฟและทุบใส่หม้อ จะทำให้หอมเ่
รสขาติจะสดกว่า
- หากต้องการให้น้ำชุปออกหวาน จะเพิ่มน้ำตาลกรวดสัก 1/2 ขีดกด้
- กรณีทีไม่มีกระดูกหมู หรือกระดูกเนื้อ ให้ใช้กระดูกไก่แทนก็ย่อมได้ แต่รสขาติจะสู้ตัวจริงไม่
- กระดูกหมู เลือกกระดูกสันหลัง ส่วนกระดูกเนืัอ เลือกกระดูกข้อต่อ จะมีไขมันจากกระดูกกว่า กัน
- ใบเตย ควรด่วนและมัดกับตอกให้เรียบร้อย หลีกเลียงการใช้ยางเส้นมัดจะขมได้
- ข่า เลือกใข้ข่าแก่ ควรหั่นเป็นแว่นๆ จะได้รสชาติกว่า (ในหม้อซุปหมู ไม่ต้องโส่ข่าก็ได้)
กะทิ นั้นเอาเฉพาะน้ำ ประมาณ 1 ลิตร คั้นสดๆ กันเลย
**ทั้งหมู-เนื้อ ปรุงแบบเดียวกัน
หม้อชุป เลือกทีเป็นหม้อก๋วยเตี๋ยว 2 ช่อง ของหนึ่งเป็นหม้อซุป อีกช่องลวกผัก และเส้นก๋วยเF
ถ้าเป็นหม้อ 3 ช่อง ถ้าช่องหนึ่งไม่ได้ใช้ให้เติมน้ำไว้ด้วย หม้อจะได้มีน้ำหนักสมดุลกัน

การเตรียม หมู-เนื้อ-ตับ และลูกชิ้น
เครื่องปรุงเหล่านี้ต้องเตรียมวันต่อวัน ควรจะเตรียมไว้ก่อนที่จะต้มน้ำชุป เพราะจะต้องหมักจึงจะมีรสนุ่มอร่อย ยกเว้นตับไม่ต้องหมัก แต่ต้องเลือกที่สดจริงๆ
สำหรับหมู และเนื้อ ยังจะต้องเตรียมในส่วนที่จะต้องนำมาตุ๋นอีกด้วย
ควรเตรียมหมู เนื้อ ตับดังนี้

เนื้อหมูหั่นบาง 1 กก.
ตับหมูหั่นบาง 1/2 กก.
เนื้อวัวหั่นบาง 1 กก.
หมูตุ๋นใช้ส่วนพวงตับ 1/2 กก.เนื้อตุ๋นใช้ส่วนน่อง 1/2 กก.
ลูกชิ้นหมู และเนื้ออย่างละ 1 กก.
เลือดสดๆ 1 ขวดลิตร

**การสั่ง หมูและเนื้อต้องสั่งแบบผูกขาดเจ้าประจำ จะได้มีของขายทุกวันและสดจริงๆ ลูกชิ้นเลือกลูกเล็ก

การหมักหมู เนื้อ ให้นุ่มก่อนนำมาขาย
ส่วนผสมเครื่องหมัก/หมู-เนื้อ 1 กก.
ซอสภุเขาทอง 2 ช้อนโต๊ะ
ไข่ 2 ฟอง
ผงชูรส 1 ช้อนโต๊ะ
นำเครื่องปรุง คลุกเคล้ากับเนื้อ-หมู ให้เข้ากันทั่วๆแล้วหมักทิ้งไว้อย่างน้อย 3-4 ชั่วโมง

วิธีตุ๋นเนื้อ-หมู
เนื้อและหมูที่ตุ๋นจนเปื่อยจะทำให้ก่วยเตี๋ยวอร่อยยิ่งขึ้น
นำหมู หรือเนื้อ ที่จะนำมาตุ๋นต้มในหม้อซุป (พร้อมกับกระดูกตอนต้มน้ำซุป) นานประมาณ 1 ชั่วโมง เสร็จแล้วนำออกมาหั่นเป้นชิ้นพอดีคำ แล้วตุ๋นอีกครั้งพร้อมกับเครืองเทศ โดยใช้ไฟอ่อนๆ

เครื่องเทศหมูตุ๋น หรือเนึ้อตุ๋น
พริกหอม
อบเชย
โป็ยกั้ก

หมู หรือเนื้อ ที่จะใช้ตุ๋น ให้เลือกเอาส่วนทีเรียกว่าพวงตับ หรือขั้วตับ ซึ่งจะได้รสชาติที่อร่อยกว่า
ถ้าเป็นเนื้อเปือยให้โใช้เอ็นแก้ว ต้มในหม้อน้ำชุปประมาณ 3 ชัวโมงตักขึ้นหั่นชิ้นพอดีคำ แล้วตุ๋นด้วยเครื่องเทศใช้ไฟอ่อนๆ

การทำกระเทึยมเจึยว
ก๋วยเตี๋ยวเรือ กับกระเทียมเจียว นี่สำคัญมาก ยิงถ้ามีกากหมูปนนิดๆ ด้วยแล้ว เคี้ยวกรุบๆ อร่อยอย่าบอกใคร

วิธีทำกระเทียมเจียว
- กระเทียม 7-8 กรัม ไม่ต้องปอกเปลือก แต่ให้แวะออกเป็นกลีบๆ โขลกให้ละเอียด
- มันหมู (มันที่แข็งๆ ไม่ใช้มันเปลว) ประมาณ 1 กิโลกรัม เขาเครื่องบด หรือหั่นฝอย
- ตั้งกระทะให้ร้อนใช่มันหมดลงไป แล้วปิดฝา ไม่ต้องคน พอเห็นว่าเป็นสีเหลืองๆ ก็กลับข้าง
- เมื่อมันหมดออกเหลืองๆ แล้ว ให้หรีไฟ และใส่กระเทียมลงไป คนอย่าได้หยุด อย่าให้ไหม้ พอกระเทียมเหลืองก็ใช้ได้

**กระเทียม้เจียว เก็บไว้ใช้ได้ 3-4 วัน กระเทียมเจียว น้ำมันต้องร้อนจัด และต้องเจียวให้กระเทียมออกเหลือง ไม่งั้นจะเหม็นหืนได้

วิธีทำพริกน้ำส้ม
นำพริกขี้หนูสด คั่วไฟอ่อนๆ นำไปบดผสมน้ำส้มสายชู 3 ขวดลิตร น้ำกระเทียมดอง 1 ถุง (ถุงละ5 บาท) เกลือป่น 1 ช้อนโต๊ะ ผสมให้เข้ากัน
**พริกน้ำสมเกึ่บไว้ใช้ได้ 1 สัปดาห์ เก็บไว้ในโหล หรือภาชนะที่ไม่ใช่พลาสติก

ผักที่ใช้ในก่วยเตี๋ยวเรือ
- ผักที่เลือกใช้ มีผักบุ้ง และถั่วงอก
- ผักโรยหน้า มีผักชีฝรัง ผักขึ้นฉ่าย โหระพา
- จะต้องมีผักเคียง เช่น ใบโหระพา หรือถัวงอก วางไว้บนโต๊ะ หรือจุดใดจุดหนึงด้วยให้ลูกค้าเลือกกิน

อุปกรณ์ใส่เครื่องปรุงที่ข้างหม้อก๋วยเตี๋ยว
- โห่ลแก้ว จะประกอบด้วย โหลผงชูรส โหลพริกป่น โหลกระเทียมเจียว โหลผักโรย โหลใส่เลือด
อย่างละ 2 ชุด แยกหมู เนื้อ
๒ กะละมังผักบุ้ง ถั่วงอก เตรียมให้พร้อม วางไว้โนจุดที่สะดวกใข้
คำแนะนำจากคูร
เหตุทีต้องใช้โหลใส่เครื่องปรุงต่างๆ ก็เพราะให้ดูเรียบร้อยสวยงาม เนื่องจากก๋วยเตี๋ยวเรือจะไม่ใช้ตู้
ทีสำคัญถ้าขายไม่หมด หรือขายบางช่วงลูกค้าไม่เยอะ เราก็จะปิดฝาได้สะดวก สามารถเก็บไว้ใช้ต่อได้
ส่วนกะละมังผักบุ้ง และถั่วงอกนั้น ถ้าเป็นผักบุ้งให้หันไว้ให้เรียบร้อย และแช่น้ำไว้ เพราะจะ
ทำให้ผักบุ้ง คงความสดไว้ได้นาน แถมจะทำให้กรอบนุ่มด้วย เข่นเดียวกับถัวงอกก็ให้แช่น้ำไว้

อุปกรณ์ใส่เครื่องปรุงบนโต๊ะก๋วยเตี๋ยว
พวง 4 ช่อง น้ำตาลทราย พริกน้ำส้ม พริกป่น น้ำปลา จะมีถั่วลิสงป่นสำหรับก๋วยเตี๋ยวแห้งก็ได้
- กล่องช้อน ตะเกียบ ตะกร้าใส่แคบหมู กระดาษทิชชู ไม้จิ้มฟัน
- ด้วยกระดาษทิชชู อาจจะมีหมายเลขเบอร์โต๊ะด้วย เพื่อว่าเวลาไปเสิร์ฟจะได้จำได้ว่าโต๊ะไหนสั่ง
- กระดาษจดสั่งอาหาร พร้อมปากกา อันนี้ก็จำเป็นมาก เพราะเวลาชั่วโมงเร่งด่วนจะให้พนักงานไปจดรายการทีละโต๊ะ ก็คงไม่ทันการณ์ หรือถ้าจะสั่งกันด้วยปากเปล่ายิงแล้วใหญ่

การลวกเส้นก่วยเตี่ยว
*ก๋วยเตี๋ยวเรือแบบโบราณ
ใช้หม้อแบบมีด้ามจับหรือด้วยใบใหญ่ก็ได้ ใส่พริกป่น กระเทียมเจียว ผงชูรส ผักโรย เลือด ตักน้ำชุปทีเดือดเทลงคนให้เข้ากัน เทราดบนชามก๋วยเตี๋ยวที่ลวกเส้นและผัก พร้อมกับจัดเรียงหมู หรือเนื้อไว้เรียบร้อย แล้ว

*ก๋วยเตี๋ยวเรือแบบทัวไป
เส้นหมี่ และเส้นเล็กให้ลวกพร้อมกับผัก เขย่าขึ้นลง พอเส้นยุบ ผักยุบก็เอาใส่ถ้วย และเติมส่วนผสม อื่นๆตามที่ลูกค้าสั่ง ยกเสิร์ฟทันที

17 ส.ค. 2553

ทำแซนด์วิชขาย

แซนด์วิช

ทำ แซนด์วิชขาย
สำหรับใครที่กำลังคิดจะหารายได้เสริม โดยอยากจะลองเปิดท้ายขายของที่ตลาดนัดใกล้บ้านเพื่อเพิ่มรายได้ วันนี้มีอีกหนึ่งทางเลือกมาแนะนำครับ นั่นคือการทำแซนด์วิชขาย เพราะแซนด์วิชเป็นอาหารที่ทำง่ายๆไม่ยุ่งยาก เครื่องปรุงและอุปกรณ์เราก็หาได้ตามท้องตลาด มีเพียง เคาน์เตอร์ โต็ะ-เก้าอี้. ถาดวางแชนด์วิช มีด เขียง ,ภาชนะใส่ขนมปังและไส้. พลาสติกใส (ห่อแซนด์วิช) ตะกร้าใส่ของ และซื้อวัตถุดิบในการทำแซนด์วิชมาลองทำดู การทำนั้นก้อาจจะทำหลายๆไส้ให้ลูกค้าเลือกกิน ลองมาดูวิธีทำกันได้เลย

วิธีทำขนมปังแซนด์วิช
1. นำขนมปังมาตัดริมแข็งออก
2. ใส่ไว้แล้วประกอบกัน 2 แผ่น หรือ 3 แผ่น ตามต้องการ จากนั้นตัดครึ่งเป็นชิ้นสามเหลี่ยม หรือตัดอีกครึ่งเป็นชิ้นสามเหลี่ยมเล็ก
3. ห่อด้วยพลาสติกใส

ส่วนผสมไส้แซนด์วิชหรือมายองเนส (น้ำสลัด)
น้ำมันสลัด 2 ถ้วย
ไข่แดง (ไข่ไก่) 6 ฟอง
มัสตาร์ด 1 ช้อนโต๊ะ
พริกไทยป่น 1 ช้อนชา
น้ำ้ำตาลทราย 1/3 ถ้วยตวง
เกลือป่น 1 ช้อนชา
น้ำมะนาว 5 ช้อนโต๊ะ
วิธีทำ
1. ผสมน้ำตาลทราย มัสตาร์ด พริกไทยป่น เอลือป่น เข้าด้วยกัน
2. ใส่ไข่แดงลงไปคนหรือใช้เครื่องตีจนขึ้นฟู
3. ใส่น้ำมันสลัดสลับกับน้ำมะนาวจนหมด

ส่วนผสม ผักดอง
กะหล่ำปลีหั่นฝอย 2 ถ้วยตวง
แครอทหั่นฝอย 1 ถ้วยตวง

**น้ำสำหรับดองผักประกอบไปด้วย
น้ำส้มสายชู 1 ถ้วยตวง
น้ำตาลทราย 1 ถ้วยตวง
เกลีอป่น 1ช้อนชา
นำส่วนผสมเหล่านี้ผสมให้เข้ากัน

วิธีทำ
1. คลุกเคล้ากะหล่ำปลีกับแครอทพอนิ่ม แล้วล้างน้ำ ผึ่งไว้ให้สะเด็ดน้ำ
2. เทน้ำสำหรับดองใส่ในผัก เคล้าให้ทั่ว หลักไว้ 1 คืน
3. นำผักขึ้นจากน้ำดอง บีบให้แห้ง สับให้ละเอียด

สูตรไส้แซนดืวิชแบบต่างๆ
แซนด์วิชไส้ ไก่
อกไก่ต้มสับละเอียด 1/2 ถ้วยตวง
หมูแฮมติดมันเล็กน้อยสับละเอียด 1 /2 ถ้วยตวง
ผักดองสับละเอียด 1 ช้อนโต๊ะ
มายองเนส (น้ำสลัด) ¼ ถ้วย

วิธีทำ
1.ผสมเครื่องปรุงพอเข้ากัน ทาบนขนมปังชิ้นหนึ่ง แล้ววางผักกาด
หอมข้างบน เอาขนมปังอีกชิ้นหนึ่งทาเนยบางๆ ประกอบกับชิ้นแรก

แซนด์วิช
แซนด์วิชไส้ปลาทูน่า
ส่วนผสม
ปลาทูน่ากระป๋องยีละเอียด 1ถ้วยตวง
หอมใหญ่สับละเอียด 1/4 ถ้วยตวง
มายองเนส (น้ำสลัด) ¼ ถ้วย
ก้านผักชีสับละเอียด 2 ช้อนโต๊ะ

วิธีทำ
1.ผสมเครื่องปรุงให้เข้ากันทาบนขนมปังชิ้นหนึ่ง เอาขนมปังอีกชึ้น
หนึ่งทาเนยบาง ๆ ประกบกับชิ้นแรก

แซนด์วิชไส้กรอกหรือแฮมชีส
ส่วนผสม
ไส้กรอกหรือแฮมสไลซ์บางๆ
ผักดองสับละเอียด 1 ถ้วยตวง
มายองเนส (น้ำสลัด) 1 ถ้วยตวง

วิธีทำ
ทาน้ำสลัดบนขนมปังชิ้นหนื่ง โรยผักดองให้ทั่วแผ่น ปิดด้วยขนมปัง
อีกชิ้นหนึ่งซึ่งทาเนยด้านบน วางไส้กรอกหรือแฮมข้างบนขนมปัง เอาขนมปัง
อีกชิ้นหนึ่งทาเนยบาง ๆ ประกบรวมกันเป็นขนมปัง 3 แผ่น

แซนด์วิชไส้หมูหยอง
ส่วนผสม
หมูหยอง
มายองเนส (น้ำสลัด) 1 ถ้วยตวง
วิธีทำ
ผสมหมูหยองกับน้ำสลัดคลุกให้เข้ากัน ใส่ลงบนขนมปังที่ทาเนยแล้ว วางประกบอัน ห่อด้วยกระดาษห่อแซนด์วิช หรือใส่ถุงพลาสติกกันลม

ส่วนผสมแซนด์วิชยำปลากระป๋อง
ขนมปังแซนด์วิช ปลากระป๋อง หัวหอมซอย น้ำมะนาว หรือน้ำส้มสายชู และพริกขี้หนูซอย

วิธีทำ
1.นำขนมปังมาตัดขอบทั้ง 4 ด้าน
2.นำปลากระป๋อง มะนาว พริกขี้หนูหัวหอมซอยคลุกเคล้าให้เข้ากัน
3.นำแผ่นขนมปังมาใส่ไส้ทาให้ทั่วแล้วประกบขนมปังอีกแผ่นลงไป ห่อด้วยกระดาษห่อแซนด์วิช หรือใส่ถุงพลาสติกกันลมจะทำให้แซนด์วิชนุ่มขึ้น

ประมาณการเงินลงทุน
การลงทุนเบื้องต้น : ประมาณ 500-1,000 บาท
ขายชิ้นละ 10-15 บาท ต้นทุนจะอยู่ที่ประมาณ 7 บาท
กำไร : จะอยู่ที่ประมาณ 30% ของยอดขายทั้งหมด

ข้อดีของอาชีพนี้
1. ลงทุนนอย รายได้สูง สินค้าตัวนี้ไม่เหมือนกับชนิดอื่นๆ คือว่าราคาไม่แพง ทำให้ซื้อขายง่าย
2. มีธุรกิจเป็นของตนเอง เป็นรายได้เสริมที่ใช้เวลาขายไม่นานประมาณ 3 ชั่วโมง/วัน
3. มีความคล่องตัวในการขาย จัดสรรพื้นที่ได้ง่าย

** ข้อแตกต่างของ สลัดครีม แซนด์วิชสเปรด และมายองเนส

สลัดครีมยังมีส่วนผสมของแป้งเพื่อช่วยเพิ่มปริมาณ และความเข้มข้นของผลิตภัณฑ์
แป้งที่นิยมใช้ ได้แก่แป้งข้าวโพด แป้งมันสำปะหลัง และแป้งสาลี ซึ่ก็็อาจ
จะด้วยสาเหตุที่มีการผสมน้ำมันในปริมาณที่น้อยกว่า และยังผสมแป้งด้วย
ทำให้สลัดครีมมีราคาถูกกว่า สำหรับในแซนด์วิชสเปรดจะมีส่วนผสมของ
แตงกวาดอง และแครอทดอง บางยี่ห้อจะใส่เนื้อ หั่นฝอยหรือแฮม เพื่อให้
น่ากินมากยิ่งขึ้น แซนด์วิชสเปรดจะมีความข้นน้อยกว่ามายองเนส และสลัดครีม
เพื่อให้สามารถเกลี่ยบนขนมปังได้ง่ายขึ้น

สิ่งที่ต้องรู้เกี่ยวกับการทำแซนด์วิช
1. การหั่นแซนด์วิชควรหั่นบาง ๆ ตัดริมขอบที่เป็นสีน้ำตาลเนื่องจากการอบออกให้หมด
2. การหั่นขนมปังต้องใช้มีดบางคม ๆ มิฉะนั้นขอบขนมปังจะไม่เรียบ การหั่นแซนด์วิชนิยมหั่นเป็นรูปร่างต่าง ๆ เช่น สี่เหลี่ยม หรีอสามเหลี่ยมเเล้วนำมาประกอบกันเป็นคู่
3. เนยที่ใช้ทาแซนด์วิช ควรใช้เนยที่อ่อนตัวแล้ว ถ้าเพิ่งนำออกจากตู้เย็นจะแข็งดัว ควรคนให้เป็นครีมเสียก่อน เนยจะฟูนุ่มทาง่ายขึ้น ควรทาเนยเทียมข้างเดียว แล้วใส่ไส้
4.การทำแซนด์วิชจำนวนมากต้องใช้เวลาทำนาน ควรห่อด้วยกระดาษแก้ว หรือห่อพลาสติก หรือใช้ภาชนะคลุมไว้เพื่อไม่ให้ถูกลม

ช่องทางการขาย
แซนด์วิชเป็นอาหารที่ทานง่ายๆ นอกจากเปิดท้ายขายใกล้แหล่งชุมชนแล้ว อาจจะรับจัดเบรคตามงานประชุม สัมมนาของบริษัท ห้าง ร้านหรือสถานศึกษาต่างๆ จะต้องทำเป้นจำนวนมากๆ หากตั้งใจทำ ใช้วัตถุดิบที่มีคุณภาพ สด สะอาด อร่อย ไม่นานต้องได้รับการยอมรับจากผู้บริโภคอย่างแน่นอน

11 ส.ค. 2553

ขายโคมไฟรีไซเคิล


ขายโคมไฟรีไซเคิล
โคมไฟ เป็นทั้งเครื่องใช้ไฟฟ้า และของประดับตกแต่งภายในบ้าน
ในปัจจุบันนี้โคมไฟได้มีการพัฒนาทั้งรูปร่างลักษณะความสวยงามแตกต่างกันและประโยชน์ใช้สอย ผู้ที่คิกประดิษฐ์โคมไฟขาย จะต้องมีไอเดียความคิดสร้างสรรค์ ดีไซน์โคมได้สวยงามแปลกตา
วัสดุที่นำมาทำก็เป็นอีกสิ่งหนึ่งทีสำคัญในการที่จะเป็นจุดดึงดูดความสนใจของลูกค้า
การทำธุรกิจยุคนี้ไม่ว่าจะเป็นอะไรก็ตาม ถ้ามีดีไซน์ออกมาที่ให้คุณค่ามากกว่าการใช้งาน ไม่เว้นแม้แต่ของใช้ส่วนตัว ก็มักจะเป็นตัวเลือกของผู้บริโภคอยู่ในอันดับต้นๆ แม้ว่าจะต้องจ่ายแพงก็ยอม เพราะสิ่งของเหล่านี้สามารถบ่งบอกรสนิยมและบุคลิกของลูกค้าได้
วันนี้ลองมาดูวิธีการประดิษฐ์ โคมไฟจากวัสดุรีไซเคิลกันดูดีกว่า ขายได้ และยังช่วยลดภาวะโลกร้อนได้อีกด้วย เพราะ นำวัสดุที่เหลือทิ้ง กลับมาหมุนเวียนใช้ประโยชน์อีกหนึ่งวิธี เป็นการเพิ่มมูลค่าสิ่งเหลือใช้ ให้กลับมาทำเงินเข้ากระเป๋าได้สบายๆ

วัสดุที่ต้องใช้
1. ขวดน้าอัดลมขนาด 2 ลิตร
2. หัวแร้งแบบใบมีต
3. สีเพ้นท์แก้ว/กระจก
4. ปากกาเคมี
5. ลายหรือแม่พิมพ์ แม่แบบ
6. ทินเนอร์
ขั้นตอนการทำ
1. นำขวดมาล้างทำความสะอาด และเช็ดขวดด้านนอกเช็ดด้วยทินเนอร์ แล้วปล่อยทิ้งไว้ ให้แห้ง
2. ตัดก้นขวดออกตามรอยหยัก นำแม่แบบเข้าไปวางทาบในขวดแล้วใช้ปากกาเคมีวาดด้านนอกของขวดตามแบบ
3. ใช้หัวแร้งใบมีดทีมีความร้อนตัดตามรอยที่วาดเอาไว้จนครบ ล้างน้ำให้สะอาด เช็ดด้วยทินเนอร์
4. นำสีมาเพ้นท์ตามลวดลายให้สวยงามตามต้องการ และตกแต่งประดับให้สวยงาม
5. นำหลอดไฟมาติดด้านใน ทดสอบว่าติดหรือไม่ เตรียมจำหน่าย

เงินลงทุน
1. เงินทุนหมนเวียน ต้นทุนต่อชิน 150 บาท
2. ราคาขาย ราคา250 บาทต่อชิ้น
3. กำไร : ต่อชี้นประมาณ 100 บาท และขึ้นอยู่กับความยากง่ายในการประดิษฐ์ด้

ช่องทางในการขาย
ฝากขายหรีอขายส่งกับร้านขายของที่ระลึกทัวไป หรือขายตามร้าน
ขายของที่ระลึกตามสถานที่ท่องเที่ยว แหล่งขายของตกแต่งบ้านที่สวนจตุจักร
หรือขายเป็นของที่ระลึกตามเทศกาลต่าง ๆ และถ้ามีความสามารถในการทำ
เว็บไซต์จะนำเสนอขายทางอินนทอร์เน็ตก็ได้คนที่ซื้อต้องการนำไปตกแต่งบ้าน ร้านอาหาร โรงแรม เป็นของฝากของขวัญให้กับคนพิเศษโอกาสต่างๆ
ในการทำอาชีพนี้ ปัญหาโลกร้อน.. ตอนนี้ใครๆ ก็กำลังร่วมมือกันรณรงค์ จึงเป็นโอกาสในการขาย โคมไฟที่รีไซเคิล (Recycle) เป็นการจัดการวัสดุเหลือใช้ที่กำลังจะเป็นขยะ แล้วนำกลับมาใช้ได้อีกครั้ง

**เทคนิคที่ควรรู้
สิ่งสำคัญก็คือ ผู้ประกอบการจะต้องหาจุดแข็งของตัวเองให้เจอ
อย่าเสียเวลาลอกไอเดียคนอื่น ไม่มีประโยชน์ที่จะทำเลียนแบบ และไม่คุ้มทุน

26 ก.ค. 2553

ขายข้าวเหนียว หมูปิ้ง

ขายหมูปิ้ง
สำหรับท่านที่กำลังมองหาไอเดียในการค้าขายในตลาดนัดเปิดท้ายในยุคที่อะไรก็เร่งรีบ อาหารเช้า หรือเย็น ก็ต้องเป็นอาหารที่ ง่ายๆ คงจะหนีไม่พ้นอาหารยอดฮิตอย่าง
ข้าวเหนียวหมูปิ้ง เพราะเป็นอาหารที่กินง่าย อิ่มท้อง อร่อย ขายได้ทุกที่ ขั้นตอนการทำก้ไม่ยุ่งยาก ลูกค้ามีทุกเพศทุกวัยโดยเฉพาะเด็ก และคนวัยทำงานที่ไม่มีเวลาเตรียมอาหารเช้า
ทำขายได้ในช่วงเช้าก่อนไปทำงาน ตั้งแต่ 5.30- 7.30 น. และตอนเย็นหลังเลิกงาน 17.30-9.00 น.


วัตถุดิบและเครื่องปรุง

เนื้อหมู 1 กก.
กระเทียมอลีบใหญ่ 5-6 กลีบ
พริกไทยเม็ด 1 ช้อนโต๊ะ
ซีอิ๊วขาว 3 ช้อนใต๊ะ
ซอสปรุงรส 2 ช้อนโตะ
น้ำตาลปี๊บ 3 ช้อนโตะ
หัวกะทิ 1/3 ถ้วยตวง

ข้าวเหนียว
อุปกรณการปิ้งหมู
อาจจะใช้เตาถ่านหรือ เตาปี้งไร้ควัน แบบใช้แกส แต่เตาถ่านจะทำให้หมูได้รสชาติที่ดีกว่า
ถาด กล่องพลาสดิกใส่หมูที่เสียบไม้เเล้ว

วิธีการทำหมูปิ้ง
1. ล้างทำความสะอาดเนื้อหมูให้สะอาด ซับน้ำให้แห้งแล้วหั่นหมูเป็นชิ้นขนาดความกว้างประมาณ 2 นิ้ว หนาประมาณ 3 มิลลิเมตร
2. แกะเปลือกกระเทียม แล้วนำไปโขลกให้ละเอียดพร้อมพริกไทยเม็ด
3. นำกระเทียมพริกไทยที่โขลกไส่ลงไปในเนื้อหมูที่หั่นไว้ ปรุงรสต่างๆด้วย ซอสปรุงรส ซีอิ๊วขาว กะทิ 3 ช้อนโต๊ะ คลุกเคล้าเครี่องปรุงต่างๆให้เข้ากันแล้วหมักไว้ประมาณ 3 ชั่วโมง หรือทิ้งไว้ข้ามคืนก็ได้โดยแช่ในช่องพรีซ เวลาจะใช้ ให้เอาออกมาละลายน้ำแข็งโดยปล่อยให้น้ำแข็งละลายไปเอง
4. เมื่อหมักได้ที่แล้ว นำเนื้อหมูที่ได้มาเสียบไม้ ก่อนเสียบไม้ให้นำไม้ใปแช่น้ำก่อนประมาณ 30 นาที เพื่อช่วยไม่ให้ไม้ไหม้
5. เริ่มปิ้ง โดยวางหมูทีเสียบไม้เรียบร้อยแล้วลงบนตะแกรงนำหัวกะทิที่เหลือมาทาให้ทั่วหมูปิ้งทุกไม้

***การปิ้งหมูด้วยเตาถ่าน ต้องใช้ขี้เถ้าปิดหน้าถ่าน เพื่อป้องกันไฟแรงเกินไปหมูจะไหม้ และช่วยให้หมูสุกอร่อยได้ดี ควรมีกรรไกรตัดแต่งหมูส่วนที่ไหม้ออกไปบ้าง ทำให้น่ากิน

การนึ่งข้าวเหนียว
1 น่ำข้าวเหนียวไปแช่น้ำไว้สักประมาณ 3 ชั่วโมง หรือทิ้งไว้ข้าม คืน
2. ตั้งหม้อนึ่ง ใช้ไฟปานกลางใส่น้ำลงไป เมื่อน้ำเดือดให้สะเด็ดน้ำนำข้าวเหนียวขึ้นมา ห่อผ้าขาวบางแล้วนำไปนึ่ง
3. ใช้เวลานึ่งไปประมาณ 30-40 นาที หรือจนข้าวเหนียวสุก โดยสังเกตว่าข้าวเหนียวจะใสขึ้น ทำการกลับด้าน แล้วนึ่งต่อสักพัก
4. เทข้าวเหนียว ออกจากหม้อนึ่งทำการ ส่ายข้าว หรือทำให้ข้าวนิ่ม โดยใช้ไม้พายและมือนวดข้าว อาจจะพรมน้ำเล็กน้อยก็ได้

ต้นทุน
การลงทุนเบื้องต้น : ไม่เกิน 10,000 บาท
. ต้นทุน/ชิ้น : ไม้ละประมาณ 2.5 บาท
. รายได้ : ขายไม้ละประมาณ 5 บาท
. กำไร : กำไรหลังหักต้นทุน ประมาณ 50% ของยอดขายทั้งหมด


** เทคนิคเกี่ยวกับการทำหมูปิ้ง
เนื้อหมูที่ใช้ควรเป็นเนื้อสันส่วนขาหลัง ติดมันนิดหน่อย ถ้าติดมันมากเกินไป ให้แล่เอามันออกทิงไปบ้าง เวลาแล่เนื้อหมูต้องพยายามแล่ให้ได้ขนาดสม่ำเสมอเพื่อความสวยงาม เวลาเสียบก็ต้องเสียบเนื้อหมูตามขวาง เนื้อหมูจะได้ดูหนา เวลากินจะไม่เหนียว หมักหมูทิ้้งสัก 2-3 วัน ถึงจะดีเวลาจะนำมาปิ้งก็เอาออกมาจากช่องฟรีซ แล้วให้น้ำแข็งละลายก่อน เครื่องปรุงรสจะเข้าเนื้อและนุ่มกว่า ถ้าหมักแล้วปิ้งเลยจะไม่อร่อย เวลาปิ้งทำให้หมูไม่สวย เนื้อหมูจะติดตะแกรงด้วย

การหมักหมูข้ามคืน เพื่อให้ซอสปรุงรส และส่วนผสมต่าง ๆเข้าเนื้อ อีกทั้งทำให้หมูมีเนื้อนุ่มด้วย วิธีการคือ คลุกเคล้าหมูกับเครื่องปรุงแล้วนำมาเสียบไม้ แช่ในถังน้ำแข็ง หรือตู้เย็นไว้ข้ามคืน เมื่อจะขายก็นำอออมาปิ้งได้ทันที

2 ก.ค. 2553

ขายอะไรดี ขายโทรศัพท์มือถือ



ขายโทรศัพท์มือถือ
หากจะถามว่า " อะไร ขาย ดี " สินค้าขายดีในยุคนี้ ต้องมีโทรศัพท์มือถือติดชาร์ตทอป10 แน่นอน เพราะโทรศัพท์มือถือ เป็นสิ่งจำเป็นหรือปัจจัยที่ 6 ,7ไปแล้วในยุคนี้
ที่เป็นยุคของการรับข้อมูลข่าวสารความแรงของสมาร์ทโฟนนั้นเริ่มกันมามีบทบาทในชีวิตประจำวันมากขึ้น ตั้งแต่ไอโฟน ของค่ายแอปเปิ้ล จนมาถึง แบล็คเบอร์รี่ หรือ BB ที่เรารู้จัก
จนกลายเป็นกระแส BB ฟีเวอร์
เพราะมาร์ทโฟน ถูกออกแบบมาเพื่อแทนที่เครื่องคอมพิวเตอร์ และมีขนาดย่อมๆพกพาไปไหนสะดวก นอกจากนี้ระบบปฏิบัติการ (os) ที่สามารถรองรับกับ
การส่ง อีเมล์ เล่นเกม อัพเดทข้อความในเว็บเครือข่ายออนไลน์ทั่วไปและยังเกิดขึ้นได้ทุกเวลา หรือแม้แต่การแชต ที่นิยมมากๆในวัยรุ่น


ใครที่กำลังมองหาอาชีพอยู่ว่าจะขายอะไรดี หรือ กำลังดูว่าสินค้าอะไรขายดี การเปิดร้านโทรศัพท์มือถือนั้น ปี 2553 นับว่าเป็นโอกาสทองของผู้ประกอบการที่กำลังมองช่องทางการเป็นเจ้าของธุรกิจแบบไม่ยาก
เพียงแต่การเปิดร้านโทรศัพท์ในห้างสรรพสินค้าจำเป็นต้องปฏิบิตตามเงื่อนไข และกฎระเบียบของห้าง อย่างถูกต้องส่วนรายละเอียดการเปิดร้านจะเป็นอย่างไร
ต้องติดต่อเกื่ยวกับการรับ - ส่งสินค้า สต๊อกสินค้า การขายสินค้า การบริการหลังการขายที่เป็นหัวใจอีกอย่างของการบริการ

คุณธนา้ เธียรอัจฉริยะ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่นจำกัด (มหาชน) หรือ Dtac กล่าวว่า ในปี 2553 การเติบโตของสมาร์ทโฟนจะโตอย่างก้าวกระโดด
เมื่อพลิกดูจากจำนวนตัวเลขผู้ใช้บริการอยู่ที่ 3 - 5% ปีหน้าคาดว่าจะเพิ่มเป็น 10% เหตุผลที่จำนวนผู้ใช้บริการเพิ่มขึ้นมาจากปัจจัยหลักๆ คือ การใช้เฟซบุ๊ค และ อี - เมล์ บน
โทรศัพท์เคลื่อนที่ และจากการผลักดันของผู้ให้บิรการโทรศัพท์เคลื่อนที่ได้นำเครื่องมือถือ BB และไอโฟน เข้ามาจำหน่ายทำให้สินค้าได้รับการตอบรับในขณะนี้
และเชื่อว่าราคาเครื่องจะลดลงไม่ถึง 10,000 บาท ปีนี้จะเป็นศึกสมาร์ทโฟน เพราะเป็นแนวโน้มที่เกิดขึ้นทั่วโลก และจะเป็นตัวกระตุ้นตลาดมือถือให้กลับมาคึกคักอีกครั้งหนึ่ง

การหาทำเลทองในการเปิดร้านขายโทรศัพท์มือถือ
ผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลการเปิดร้านเบื้องต้นก่อน ว่าจะเลือกในทำเลลักษณะใด ในห้างหรือนอกห้าง ถ้าเลือกในห้าง ก็ติดต่อกับทางห้างสรรพสินค้า เพื่อขอเอียดราคาค่าเช่าพื้นที่ในแต่ละโซน
ซึ่งถ้าเป็นโซนมือถือของห้างสรรพสินค้าซีคอนจะอยู่ชั้น BI
จากนั้นจึงตกลงทำสัญญาระหว่างผู้เช่าและผู้ให้เช่า เช่นในห้างซีคอน ผู้ลงทุนจะต้องมีเงินลงทุนประมาณ
1,000,000 และเงินทุนสำหรับหมุนเวียนอีก ประมาณ 1,000,000 บาทและต้องจ่ายค่ามัดจำตู้วางสินค้าทุก 3 เดือน เป็นเงิน 3,000 บาท บาท หรืออาจะมองหาทำเลอื่นอย่างที่มาบุญครองก็เป็นแหล่งโทรศัพท์มือถือ เดี๋ยวนี้ราคาของโทรศัพท์ มือถือมีราคาที่ไม่ค่อยแตกต่างกัน คนที่อยู่ในวงการมือถือก็จะมีเครือข่ายและข้อมูลการซื้อ - ขาย ที่เชื่อมโยงกันอยู่ทุกวัน ดังนั้น มาบุญครองจึงเป็นเสมือนแหล่งขายโทรศัพท์มือถือที่ไม่ควรมองข้ามไปได้ ราคาเช่าพื้นที่ก็จะสูงตามไปด้วย โดยขนาดพื้นที่ประมาณ 9 x 9 ตารางเมตร ด้านหน้าเป็นหน้า ร้าน ด้านหลังเป็นสต็อกเก็บสินค้า ราคาค่าเช่าพื้นที่จะอยู่ทีประมาณ 20,ooo บาท/เดือน นอกจากนี้ยังมีแหล่งอื่นๆอีกมากมายที่ผู้ลงทุนต้องมองหาทำเลและดูราคาค่าเช่าพื้นที่

ผู้ลงทุนควรมีความรู้เกี่ยวกับโทรศัพท์มือถือ รู้ว่าเราถนัดในเรื่องของโทรศัพท์ตระกูล Blackbery และ lphone ทั้งหมด เราจึงเจาะตลาดกลุ่มนี้ ซึ่งสินค้าที่นำมาขายเราจะศึกษามาจากต่างประเทศ ที่มีต้นกำเนิดในการผลิตโทรศัพท์รุ่นเหล่านี้ และนำเข้ามา โดยเคื่รองที่นำเข้ามานั้นเราต้องการันตีให้กับลูกค้าได้ว่า มีการรับ ประกันศูนย์ สามารถลงโปรแกรม อัพเดทข้อมูลได้ตลอด 24 ชั่วโมง สามารถเลือกใช้ภาษาที่ลูกค้าต้องการ ได้

การตั้งราคาขายทให้โดนใจผู้ซื้อ
กลยุทธ์ทางด้านราคาเราต้องมีการอัพเดททุกวัน โดยอัทเดททางอินเตอร์เน็ตบ้าง ตามราคาจากสาขาที่มาบุญครองบ้าง ซึ่งระบบการตั้งราคานั้นจะต้องตั้งราคาที่ไม่สูงเกินกว่าร้านมือถือแบรนด์ดังที่อยู่ห้างสรรพสินค้านั้นๆ เพราะ เขาจะตั้งราคาเป็นกลางจากทางศูนย์ใหญ่ ไม่ว่าจะเป็นมาบุญครอง หรือสถานที่ที่มีการขายโทรศัพท์มือถือของที่ ร้านขายอยู่จะต้องอยู่ในเกณฑ์ราคาเดียวกันทั้งหมด เพื่อรักษาฐานความสมดุลย์ของมาตรฐานโทรศัพท์มือถือไม่ให้ ราคาตก และลูกค้าก็เชื่อใจในบริการของผู้ขายด้วย

วิธีการสต็อคสินค้าโทรศัพท์มือถือ
ต้องเช็คการสต๊อกสินค้าจากยอดขายในแต่ละเดือนว่า สินค้าตัวไหนขายดีทีสุด ถาขายออกมาแสดงว่ากลุ่มลูกค้าที่ชื่นชอบสินค้ารุ่นนี้มีมากจืงสั่งสต๊อก สินค้ารุ่นที่ขายดีเข้ามามากว่าตัวอื่นๆ ส่วนรุ่นที่ขายไมค่อยดีก็สั่งน้อยลงเฉลี่ยๆ กันไป แต่สต๊อกสินค้าควรเท่ากันทุกเดือน เช่น เดือนมกราคมสั่งมาทั้งหมด 100 เครื่อง ขาย 1 เดือน ขายได้ทั้งหมด 76 เครื่อง ในเดือนกุมภาพันธ์ต้องสั่งสินค้าตามส่วนต่างที่หายไป คือ 24 เครื่อง เพื่อให้สต๊อกสินค้ามีจำนวนคงเดิม และสามารถบัญชียอดขายได้ง่ายขึ้นด้วย

ขายถือมือ2 เพื่อเพิ่มกำไร
สินค้ามือสองเป็นอีกส่วนหนึ่งของการสร้างรายได้ให้กับร้านเช่นกัน ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับกลยุทธ์การขาย
สินค้า เพราะว่าแต่ละร้านราคาสินด้าใม่เท่ากัน การรับซื้อสินค้ามือสองที่จำเป็นผู้ลงทุนควรดูสภาพ
ของเคฯื่งว่าเป็นอย่างไร คู่เป็นที่นิยมในตลาดหรือไม่ เคื่mงรับประกันศูนย์หรือไม่ มีแอสเซสเซอรีร
ครบชุดหรือไม่ มีกล่องและคู่มือการใช้งานมาพร้อมด้วยหืรอไม่ จากนั้นจึงค่อยตีราคาตนค้าให้กับผู้นำ
มาขาย การตั้งราคาขายโดยทั่วไปก็จะบวกเข้าไปจากราคาทีซื้อมาอีกประมาณ 30%

การซื้อสินค้าระหว่างผู้ซื้อ - ผู้ขายนั้น จะต้องดูโทรศัพท์เครื่องที่ซื้อให้แน่ใจก่อนค่อยตัดสินใจซื้อ
โดยการมองรอบร้านก่อนว่ามีความน่าเชื่อถือมากน้อยเพียงใด ให้เหลือบไปมองด้านหลังของร้านจะมีใบการันตีสินค้าว่า สามารถจำหน่ายสินค้าประเภทนี้ใด้ หรือไม่สนใจให้ขอตรวจสอบจากร้านที่ซื้อมาได้ทันที ส่วนการซื้อ - ขาย แบ่งออกเป็น 2 กรณี คือ

สร้างความน่าเชื่อถือแก่ลูกค้า
การซื้อ-ขายโทรศัพท์มือถือนั้น ต้องดุสินค้าให้แน่ใจก่อนตัดสินใจซื้อ มองรอบๆร้านก่อนว่ามีความน่าเชื่อถือเพียงใด การซื้อ-ขาย มี 2 กรณี

โทรศัพท์มือ1. หรือใหม่แกะกล่อง

1. ผู้ขาย ควรมีใบรับประกันสินค้าให้กับลูกคา และการลงโปรแกรมต่างๆ ตามสัญญาชื้อขาย

2. ผู้ซื้อ ควรดูว่าใบรับรองการนำเข้าสินค้าหรือไม่ ก่อนแกะกล่องต้องเช็คว่ากล่องอยู่ในสภาพที
ไม่เคยถูกแกะมาก่อน ตรวจสอบสินค้าว่าอุปกรณ์ครบถ้วนหรือไม่ ดูตัวเครื่งว่ามีสติ๊กเกอร์สัญลักษณ์ของบริษัทนำเข้าหรือไม่ เช็คแบตเตอรี่ว่าเป็นของแท้หรือไม่ (ของแท้ต้องมีตราสัญลักษณ์ปั๊มลงบนแบตเตอรี่) เช็คกรอบโทรศัพท์ว่าเป็นของแท้หรือไม่ (ของแท้ขอบของกรอบโทรศัพท์จะมีความมน ไม่แหลมคม) เช็ค อแด๊บเตอร์ (แท่นชาร์จ) ว่ามีตราสัญลักษณ์บนแท่นชาร์จหรือไม่ สายขั้วแท่นชาร์จต้อง อยู่ในสภาพใหม่แกะกล่อง มีใบประกันสินค้ารับรองให้

กรณีโทรศัพท์มือ2
1. ผู้ขาย การรับซื้อโทรศัพท์มือ 2 ควรสังเกตอย่างดี เพราะการซื้อโทรศัพท์มือถือมือ 2 มีความเสี่ยงสูง
ควรมีความรู้เรื่องของโทรศัพท์มากพอสมควร ถ้าไม่ชำนาญไม่ควรรับซื้อโทรศัพท์มือถือมือโดยเด็ดขาด จะทำให้ขาดทุน เมื่อผู้ซื้อไปนำมาขายควรตรวจเช็คสินค้าว่าอุปกรณ์ครบถ้วนหรือไม่ ดูตัวว่าสติ๊กเกอร์สัญลักษณ์ของบริษัทนำเข้าหรือไม่ เช็คแบตเตอรี่เป็นของแท้หรือไม่ (ของแท้ต้อง สัญลักษณ์ปั๊มลงบนแบตเตอรี่) เช็คกรอบโทรศัพท์ว่าเป็นของแท้หรือไม่ (ของแท้ขอบของกรอบโทรศัพท์จะมีความมน ไม่แหลมคม) เช็คอแด็บเตอร์ (แท่นชาร์จ) ว่ามีตราสัญลักษณ์บนแท่นชาร์จหรือ มีใบประกันสินค้ารับรองให้ เป็นต้น และสิ่งทีสำคัญมาก คือ การเปิดเครื่งและเช็คเครื่งโทรศัพท์ว่ายังใช้ได้งานได้ดีเหมือนเดิมหรือไม่ มีส่วนไหน ที่ต้องหักราคาลงบ้าง แล้วจึงค่อยตีราคาให้กับลูกค้าไป

2. ผู้ซื้อ เมื่อต้องการนำโทรศัพท์ไปขาย ย่อมรู้อยู่แก่ใจแล้วว่า ราคาสินค้าที่นำไปขายจะลดราคาลงไปประมาณ 30 - 40% (ขึ้นอยู่กับสภาพเครื่อง) ควรจะเช็คราคาโทรศัพท์มือถือ 2 จากหลายๆ ที่ว่าราคาเมื่อนำไปขายแล้วควรอยู่ที่เริ่มต้นประมาณเท่าไร โดยการให้ร้านรับซื้อโทรศัพท์ตีราคาให้ เวลาขายควรนำอุปกรณ์และกล่องเหมือนกับที่ซื้อมาครั้งแรกไปด้วย เพื่อเพิ่มราคาได้มากขื้น เมื่อได้ร้านที่ให้ราคา พอใจในภคาก็สามารถขายได้

ปัจจัยเสี่ยงของการเปิดร้านขายโทรศัพท์มือถือ
การเปิดร้านขายโทรศัพท์มือถือ ปัจจัยที่น่าเป็นห่วงสำหรับผู้ลงทุนมากที่สุด คือ การรับซื้อโทรศัพท์มือ2 เพราะว่าทางร้านต้องมีระบบการเช็คเครื่องที่ดี เช่น เครื่องตกน้ำมาหรือเปล่า ใช้มานานเท่าไร เคยเปิดเคืรื่องมาแล้วหรือยัง เครื่องเคยซ่อมหรือไม่ ถ้าผู้ลงทุนสามารถประเมินเครื่งที่จะซื้อได้ดังนี้แล้วก็สามารถรับซื้อเครื่องมือสองได้ แต่ถ้าไม่แน่ใจให้ปรับกลยุทธ์โดยการจำหน่ายแอสเซสเซอรี่หรือการลงโปรแกรมแทนจะสามารถเกรงกำไรได้ดีกว่านำเงินมาจมกับการรับชื้อมือถือมือสองสงวนการปล่อยของมือสองของร้านทุกด้านที่จำเป็นควรเช็คสภาพเครื่องให้แน่ใจว่าสามารถใช้งานได้ปกติ สังเกตว่าเป็นรุ่นที่นิยมหรือใม่ เครื่องมีการตกแต่งหรือไม่ ถ้าเครื่องดูสภาพโทรมมากก็สามารถตกแต่งเครื่องให้ดูทันสมัย แล้วจึงค่อยปล่อยขาย

กำไรจากการเปิดร้านขายโทรศัพท์มือถือ
ผลตอบแทนที่ผู้ลงทุนควรได้จากการเปิดร้านโทรศัพท์มือถือในห้างสรรพสินค้าจะอยู่ที่ประมาณ 25% ของราคาต้นทุน ซึ่งยอดขายตรงนี้ผู้ลงทุนควรใส่ใจในเรื่องของการบริการลูกค้า เนื่องจากมีหลายร้านที่อยู่ไม่ได้ ไม่ใช่เพราะปัจจัยทางด้านเงินทุนหรือเงินหมุนเวียน ส่วนใหญ่แล้วจะอยู่ที่การบริการลูกค้าและความจริงใจมากฤว่า ถ้าเราให้การบริการเต็ม 100% ผลที่ได้จากลูกค้าก็คือ 100% เช่นกัน
การเปิดร้านมือถือในห้างสรรพสินค้า “รายได้ส่วนใหญ่จะมาจากลูกค้าในศุกร์ - อาทิตย์ ส่วนวันธรรมดา วันจันทร์ - วันพฤหัสบดี ยอดขายจะลดหลั่นลงไป นอกจากนี้ยังมีรายได้จากการลงโปรแกรมและแอสเซสเซอร์รี่

ข้อมูลการลงทุนเปิดร้านโทรศัพท์มือถือในห้าง
เงินลงทุน 500,000 - 1,000,000 บาท
ค่าเช่าสถานที่ ถ้าเป็นชีคอน โซนA 32,000 บาท ขนาดพึ้นที่ 6 x 6 ตารางเมตร
โซน B 28,ooo บาท 4 x 4 ตารางเมตร
โซน c 23,000 บาท 32 x 32 ตารางเมตร
โซน D 18,000 บาท 2.8 x 2.8 ตารางเมตร

ค่าซื้อสินค้า 100,000 บาท
เงินทุนสำหรับหมุนเวียน 100,000 บาท
จ้างแรงงาน ใช้ลูกจ้าง 2 คน

แหล่งซื้อมือถือจากประเทศจีน
รายได้โดยประมาณ ประมาณ 700,000 บาท/เดือน
รายได้ขั้นต่ำ ประมาณ 50,000 บาท/เดือน
***** ขึ้นอยู่กับทำเล