5 ต.ค. 2554

ทำปุ๋ยอินทรีย์ขาย

การจะปลูกพืชนั้นปุ๋ย เป็นสิ่งสำคัญ ถ้าไม่มีความรุ้เรื่องปุ๋ย หรือไม่สามารถทำปุ๋ยใช้เองได้ ก็ต้องซื้อจากร้านขายอุปกรณ์การเกษตร แต่ราคาปุ๋ยก็แพงมากขึ้นทุกวัน และปุ๋ยเคมีใช้ไปนานดินจะเสื่อมสภาพ วันนี้มีข้อมูลการทำปุ๋ยอินทรีย์ใช้เอง หรือจะทำขายก็ได้ มาให้ศึกษากัน


ทำปุ๋ยอินทรีย์ขาย

ปุ๋ยสั่งตัด คือ การใช้ปุ๋ยตามสภาพดินโดยการวิเคราะห์สภาพดินในปัจจุบันว่า อยู่ในสภาพใด มีค่าความเป็นกรดเป็นด่างเท่าใด สภาพดินที่ดีจะต้องประกอบด้วยอินทรียวัตถุ 5% น้ำ25% อากาศ25% และธาตุอาหาร 45% โดยวิเคาระห์สภาพดินว่าต้องการธาตุอาหารใดบ้าง ต้องการแร่ธาตุใดบ้างรวมทั้งการเลือกใช้วัตถุดิบและปริมาณที่เหมาะสมกับสภาพของดินที่จะปลูกพืช จึงทำให้มีการทำปุ๋ยสั่งตัดเพื่อให้ได้ปุ๋ยภาพเหมาะแก่การเพาะปลูกการเลือกว่าจะใช้ปุ๋ยสูตรอะไร ก็ต้องรู้ก่อนว่าในดินมีธาตุและมีปริมาณมากน้อยเพียงใด และพืชทีเราปลูกมีความต้องการธาตุอาหารแต่ละอย่างมากน้อยแค่ไหน

สำคัญ คือ ดินของตนเองมีคุณสมบัติอย่างไร ทั้งหมดนี้จึงกำหนดวาควรใส่ปุ๋ยอะไร ซึ่งความจริงแล้วถ้าจะพูด แทนที่จะเป็นสูตรปุ๋ย ก็อาจต้องพูดถึงความต้องการฟอสฟอรัส และโพแทสเชียม เเต่ละตัวเป็นอย่างไรคือ เป็นตัวเดี่ยวๆ ไม่ไช่สูตรผสมเสร็จอย่างทีเคยชินกันใส่ปุ๋ยตามนั้น การที่จะรู้ว่าเดินอย่างหนึ่งเมื่อปลูกข้าวแล้วควรใส่ปุ๋ยอะไรเกษตรกรจะต้องไปศึกษามาก่อนแล้วรวบรวมข้อมูลไว้ แล้วเคราะห์ดินในพื้นที่ของตัวเองว่ามีธาตุอะไรมากน้อยแล้วก็เอามาเทียบกับตารางแนะนำ ก็จะรู้ว่าควรใส่ปุ๋ยปริมาณมากน้อยแค่ไหน แต่หากเปลียนเป็นข้าวโพดเป็นดินที่อื่น คำแนะนำดังกล่าวก็ย่อมแตกต่างกันและขั้นสุดท้ายคือ ผสมปุ๋ยไว้ใช้เองตามสูตรที่ต้องการได้จากคำแนะนำ

ดังนั้น การผสมปุ๋ยใช้เองจึงเป็นเพียงปลายทางเท่านั้น ชึงจะไม่มีประโยชน์อะไรถ้าไม่มีการวิเคราะห์ดินและมีการศึกษามาก่อนอย่างละเอียด การพิจารณาความต้องการใช้ปุ๋ยในดินแต่ละแห่งสำหรับพืชแต่ละอย่างก็เหมือนการวัดขนาดตัวเพือตัดเสื้อผ้าให้พอดีแก่ผู้ใส่ จึงเรียกว่าเป็นการให้ปุ๋ยแบบ สั่งตัดซึ่งจะได้ขนาดตรงตามความต้องการ

วัสดุและขั้นตอนการทำ
วัสดุและอุปกรณ์ : ถัง, กระบะผสม,จอบ เสียม,ฟอสเฟส ธาตุอาหารรอง โพแทสเซียม

ขั้นตอนการทำ
-เรียนรู้การตรวจสอบ คัดแยกประเภทของดินและธาตุอาหารในดิน เช่น ความเป็นกรดหรีอด่างของดิน ความ เปรี้ยวและเค็มของดิน
- เรียนรู้วิธีการผสมปุ๋ยอินทรีย์สั่งตัด โดยใช้แร่ธาตุและวัตถุดิบที่เหมาะสมกับสภาพดินและพืชที่ต้องการปลูก
-นำดินและสารอาหารที่วิเคราะห์มาในกระบะคลุกเคล้าให้เข้ากัน
-นำปุ๋ยอินทรีย์ที่ผสมแล้วเข้าสู่กระบวนกวรเป็นและปั้นเม็ดเพื่อสะดวกต่อการใช้งาน นำปุ๋ยที่ปั้นเม็ดแล้วใส่บรรจุภัณฑ์

ข้อดีของปุ๋ยสั่งตัด: ประหยัด สามารถทำเองได้ เหมาะแก่สภาพดินและการเพาะปลูก ระยะเวลาในการฝึก 2 วัน



สนใจอยากเข้าอบรมทำปุ๋ยสั่งตัด ติดต่อที่สถานีทำการฝึก ศูนย์พัฒนาฝีมือแรงงานจังหวัด นนทบุรี สนใจสามารถสมัครและสอบถามได้ ศพจ.นนทบุรี โทร. 02-595-4046-8 และ 02-595-4045



23 ก.ย. 2554

ขายขนมหม้อแกง

วันนี้มีสูตรขนมหม้อแกงสูตรใหม่มาฝากแต่ก่อนอื่นเรามารู้จักขนมหม้อแกงกันก่อนดีกว่าประวัติขนมหม้อแกงมีมาตังแต่สมัยพระนานรายสมเด็จพระนารายณ์มหาราช แห่งกรุงศรอยุธยาโดยนางมารี กีมาร์ หรือ ท้าวทองกีบม้า ซึ่งเป็นภรรยาของ เจ้าพระยาวิชาเยนทร์ หลังจากที่พระเพทราชาได้รับการแต่งตั้งให้เป็นผู้สำเร็จราชการแทนสมเด็จพระนารายณ์มหาราช เนื่องจากสมเด็จพระนารายณ์มหาราชมีอาการประชวนหนัก พระเพทราชาจึงได้สั่งประหารชีวิตพระยาวิชาเยนทร์ในวันที่ 5 มิถุนายน พ.ศ. 2231 ทำให้ท้าวทองกีบม้าถูกนำตัวไปจำคุกเป็นระยะเวลาเกือบ 2 ปี จึงถูกปล่อยตัว แต่มีข้อแม้ว่าจะต้องทำขนมหวานมาส่งในวังตามอัตราที่กำหนดไว้ ด้วยเหตุที่ว่าท้าวทองกีบม้ามีชื่อเสียงในด้านการทำอาหารคาวหวาน เหตุการณ์ในครั้งนี้นับว่าเป็นจุดเปลี่ยนโฉมหน้าของขนมไทยครั้งสำคัญ เพราะท้าวทองกีบม้าได้เริ่มทำขนมที่ใช้ไข่มาเป็นส่วนประกอบหลัก อาทิ ทองหยิบ ทองหยอด ฝอยทอง ขนมผิง ขนมพล ขนมโปร่ง ขนมทองม้วน ขนมสัมปันนี และขนมหม้อแกง ด้วยรสชาติของไข่และน้ำตาลซึ่งเป็นส่วนประกอบหลักของขนมหม้อแกง ทำให้ขนมหม้อแกงได้รับความนิยมชมชอบจากชนชั้นสูงในวัง และได้รับการขนานนามว่า” ขนมหม้อแกง.ต่อมาเมื่อลูกมือในบ้านของท้าวทองกีบม้าได้แต่งงาน ก็ได้นำสูตรและวิธีการทำขนมหม้อแกงออกมาถ่ายทอด ทำให้ชาวบ้าน คนธรรมดา จึงได้มีโอกาสรู้จักกับขนมหม้อแกง


เมื่อปีพ.ศ. 2529 จังหวัดเพชรบุรี ได้มีการบูรณะพระนครคีรีให้เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่สำคัญ ทำให้ชาวบ้านในละแวกนั้นทำขนมหม้อแกงที่สืบทอดกันมาจากรุ่นสู่รุ่นออกมาจำหน่าย ทำให้ขนมหม้อแกงเป็นขนมที่ขึ้นชื่อของจังหวัดเพชรบุรี
{*** ข้อมูลจาก th.wikipedia.org/}

นอกจากขนมหม้อแกงในอดีตแล้วก้มีการพัฒนาขนมหม้อแกงมาเรื่อยๆจนมีลักษณะรูปร่างหน้าตาดังที่เราเห้นในปัจจุบันมีขนมหม้อแกงมากมายหลายสูตร วันนี้มีสูตรขนมหม้อแกงมาฝาก 1 สูตร ทดลองทำกินเองหรือทำขายได้ไม่ยากเย็นอะไร




หมอแกงสูตรโหม่นี้ถูกคิดค้นโดย นักศึกษาสาขาวิชาอาหารและโภชนาการ และอาจารย์ที่ปรึกษา ร่วมกันคิดค้นสูตรการทำขนมหมอแกงสูตรโหม่ ด้วยการเสริมเมล็ดขนุนเข้าไป เพี่อให้ได้ขนมหม้อแกงที่มีคุณค่าทางอาหารเพิ่มขึ้นอีกทั้งยังพัฒนารูปแบบให้กับขนมหม้อแกงแบบปกติให้เป็นรูปแบบใหม่ที่น่าดึงดูดความน่าสนใจ มีวิธีการทำดังนี้

สูตรขนมหม้อแกงถ้วยทองเม็ดขนุน

**ส่วนผสมแป้งพาย
แป้งสาลีอเนกประสงค์ 190 กรัม
ผงฟู 2 กรัม
เนยสด 55 กรัม
ไข่แดงของไขไก่ 20 กรัม
เกลือป่น 2กรัม
เนยขาว 25 กรัม

วิธีทำ
1.แป้ง เกลือ ผงฟู ร่อนรวมกัน
2.ใส่เนยสด ดังด้วยซ้อมหรือเบลนเดอร์ให้เล็กขนาดเมล็ดถั่วเขียว ใส่ไข่แดง ผสมให้เข้ากันด้วยปลายนิ้ว เทน้ำเย็นจัดใส่ลงไปแล้วตะล่อมเบาๆ พอเข้ากัน
3.นำแป้งมาคลึงให้เป็นแผ่นบาง กรุแป้งลงไปในพิมพ์ ที่ทาด้วยเนยขาวแล้ว ใช้ส้อมจิ้มแป้งที่ก้นพิมพ์เพื่อไล่อากาศ ตัดขอบใหhสวยงาม นำไปอบที่ไฟ 18o c ใช้เวลาในการอบประมาณ 15 นาทีหรือจนเหลืองหอม นำออกจากพิมพ์พักไว้ให้เย็น

**ส่วนผสมตัวไส้ขนมหม้อแกง
ไข่เป็ด 300 กรัม
น้ำตาลปีบ 25O กรัม
หัวกะทิ 255 กรัม
เมล็ดขนุนต้มสุก 120 กรัม
หอมแดงเจียว (โรยหน้า)

วิธีทำ
1.ตีไข่กับน้ำตาลปี๊บให้เข้ากัน
2.ใส่หัวกะทิตีพอเข้ากัน
3.ใส่กระทะทองเหลืองกวนพอสุh
4.นำถ้วยพายที่เย็นแล้วใส่ในพิมพ์อลูมิเนียม ตักตัวขนมใส่ในถ้วยให้สวยงาม นำไปอบไฟบน 18o ใช้เวลาอบ ประมาณ 10 นาทีหรือหรือจนหน้าขนมแห้ง นำออกจากพิมพ์ โรยหน้าด้วยหอมเจียวเพียงเท่านี้ก็เสร็จเรียบร้อยแล้ว


หรือหากสนใจข้อมูลเพื่อนำไปเป็นแนวทางเพื่อสร้างอาชีพ ติดต่อสอบถามได้ที่ นักศึกษาสาขาวิชาอาหารและโภชนาการ และอาจารย์ เชาวลิตอุปฐาก อาจารย์ทีปรึกษา โทร 02-281-9231-4 ต่อ 5201-2

15 ก.ย. 2554

ขายน้ำสลัดสูตรสมุนไพร

วันนี้มีน้ำสลัดอีกหนึ่งเมนูที่ถือว่าเป็นสุดยอดน้ำสลัด นั่นก็คือ “น้ำสลัดสูตรสมุนไพร
ที่ผ่านการวิจัยมาแล้วจากสถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งประเทศไทย(วว.)
จะกล่าวถึงน้ำสลัดสูตรสมุนไพรเพื่อสุขภาพนี้ว่า เป็นน้ำสลัดสำหรับรับประทานกับเนื้อสัตว์ประเภทเนื้อย่าง
เช่น หมูย่าง เนื้อวัวย่าง อาหารทะเลย่าง สำหรับคนที่ชอบทานเนื้อ น้ำสลัดสูตรนี้ไม่ควรพลาด ซึ่งอาหารเหล่านี้ทานพร้อมกับผักได้ด้วย โดยปกติในท้องตลาดยังไม่ค่อยมีใครทำเพื่อขายกันมากนัก จึงเป็นโอกาสและเปิดช่องทางการตลาดได้อย่างง่ายดาย สำหรับคนที่กำลังอยากจะลองทำเป็นอาชีพเสริม

น้ำสลัดสูตรสมุนไพร

เมื่อก่อนนั้นการทำน้ำสลัดสูตรสมุนไพรมีขั้นตอนที่ยุ่งยาก กว่าน้ำสลัดแบบธรรมดา อีกทั้งการทำให้น้ำสลัดสูตรสมุนไพรให้มีรสชาติอร่อยนั้นก้ทำได้ยาก ดังนั้นสลัดน้ำสลัดสูตรสมุนไพรที่ใช้ทานกับเนื้อสัตว์จึงมีขายเฉพาะในโรงแรมหรือในภัตตาคารระดบ 5 ดาวเท่านั้น เมื่อเห็นดังนี้ สถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งประเทศไทย(วว.)จึงได้พัฒนาสูตรน้ำสลัดน้ำใสขึ้น เพื่อให้สามารถทำได้ง่ายขึ้นและสามารถวางขายได้ในท้องตลาดทั่วไป เป็นอาชีพสร้างรายได้ อีกทางหนึ่งด้วย

ส่วนประกอบน้ำสลัดสูตรสมุนไพร
พริก หอม กระเทียมปอกเปลือก ขิง ข่า ตะไคร้
ซอสปรุงรส ซีอิ้วขาว มัสตาด น้ำมันมะกอก น้ำส้ม
สายชู น้ำตาล น้ำมะนาว และน้ำต้มสุก

วิธีทำ
-นำส่วนผสมทั้งหมดมาปั่นให้เข้ากัน
-จากนั้นนำขึ้นตั้งไฟให้เดือด ชิมรสชาติตูออกเปรี้ยว หวาน นำ และเค็มตาม
-จากนั้นยกลง พักไว้ให้เย็น แ ล้วจึงบรรจุใส่ภาชนะ เก็บไว้ในตู้เย็น สามารถเก็บไว้ได้นานถึง
2 อาทิตย์

นอกจากนี้สถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งประเทศไทย(วว.) ยังได้พัฒนา น้ำสลัดสูตรน้ำข้นเพิ่มขึ้นอีก 1 สูตร คือน้ำสลัดสูตรน้ำผึ้งงาดำ สูตรนี้จะเหมาะสำหรับทานคู่กับผักและเหมาะสำหรับคนรักสุขภาพที่มีปัญหาเกี่ยวกับกระดูกเพราะงาดำมีแคลเซียมสูง
ทั้งนี้น้ำสลัดทั้งสองชนิดควรล้างวัตถุดิบ รวมถึงภาชนะที่ใช้บรรจุให้สะอาดเพื่อยืดอายุการเก็บรักษาได้ยาวนานยิ่งขึ้น

หากสนใจสูตรน้ำสลัดสมุนไพรเพื่อสุขภาพ และสูตรน้ำสลัดสูตรน้ำผึ้งงาดำ สอบถามข้อมูล
เพิ่มเติมที่ โทร. 0-2577-9000, 0-2577 -9022,0-2577-9024 ได้ในวันเวลาเวลาราชการ

22 ส.ค. 2554

แหล่งซื้อเสื้อผ้ามือสอง

อาชีพขายเสื้อผ้ามือสองนั้น สามารถสร้างรายได้อย่างงดงาม หากรู้จักเลือกเสื้อผ้าจากแหล่งที่ดีมีคุณภาพ และราคาถูก ทำให้อาชีพค้าขายเสื้อผ้ามือสองเป็นอาชีพทีน่าสนใจไม่น้อยเลย ยิ่งถ้าเป็นสินค้าแฟชั่นมีอสองที่ทันสมัย เป็นแฟชั่นที่โดดเด่น หรือยังไม่มีในไทย ก็จะยิ่งเป็นทีชื่นชอบของลูกค้าอย่างมาก



แหล่งซื้อเสื้อผ้ามือสอง

แหล่งซื้อเสื้อผ้ามือสองคุณภาพดี


1.ยูสด์โคล
ดำเนินธุรกิจจนำเข้าและจัดจำหนายเสื้อผัาแฟชั่นมือสอง ทีมีคุณภาพซึ่งสามารถที่จะตอบสนองความต้องการของลูกค้า และตัวแทนจำหน่ายทั่วทั้งประเทศไดัเป็นอย่างดี ทั้งทางต้านคุณภาพชั้นเยี่ยม เพราะนำเข้าเสื้อผ้ามือสอง จากต่างประเทศโดยตรง และเทรนด์แฟชั่นทันสมัยและโดดเด่น พร้อมทั้งมีสินค้าให้เลือกหลากหลายสไตล์แบบครบวงจร เช่น เสื้อผ้าผู้หญิง เสื้อผ้าผู้ชาย เสื้อผ้าผู้ใหญ่ เสื้อผ้าเด็ก ผ้าปูเตียง กระเป๋า เข็มขัด ผ้าพันคอ ฯลฯ

ถึงแม้ ยูสด์โคล จะเป็นแบรนด์น้องใหม่ในวงการธุรกิจเสื้อผ้ามีอสอง แต่ด้วยประสบการณ์เรื่องของตลาดที่ไม่เป็นสองรองใครทำให้ ยูสด์โคล มีความมั่นใจว่าจะได้รับการตอบรับจากลูกค้าหรือตัวแทนจำหน่ายได้เป็นอย่างดี เพราะยูสด์โคล ชูจุดแข็งว่า เป็นธุรกิจขายส่งสินค้าคุณภาพเกรด A นำเข้าจากต่างประเทศโดยตรง ไม่มีการคัดแยกก่อนส่งหรือขายโห้กับลูกค้าอย่างแน่นอน ราคาเป็นกันเอง ทำให้ลูกค้าสามารถนำไปทำกำไรต่อได้อย่างคุ้มค่าสินค้าขายดีทีสุดและยอดนิยมที่สุด ส่วนใหญ่จะเป็น เสื้อผ้าผู้หญิง มากกวาผู้ขาย เพราะผู้หญิงจะชอปรับเปลี่ยนการแต่งกายตามแฟชั่น ทำใหัสินค้าสไตล์ผู้หญิงค่อนข้างจะขายดีมากเป็นพิเศษ โดยเฉพาะชุดเดรส เสื้อ กระโปรง หมวกผ้าพันคอ เห็นได้จากยอดสั่งซื้อของลูกค้า ส่วนผู้ขายจะเป็นแฟชั่นประเภทเสื้อเชิ๊ตและกางเกงยีนส์มากกว่า

สำหรับผู้ที่สนใจอยากจะสร้างธุรกิจหรือมีร้านขายเสื้อผ้ามือสอง ปัจจุบันยูสด์โคลจัดจำหน่ายสินค้าเป็นกระสอบ กระสอบละประมาญ 100 กิโลกรัม ให้กับลูกค้าทีสนโจและขึ้นอยู่กับว่าอยากได้สินค้าประเภทไหน เช่น ถ้าสนใจเป็นกางเกงยีนส์คุณผู้ซาย สินค้าทั้งกระสอบก็จะเป็นกางเกงยีนส์คุณผู้ขายทั้งหมด ถ้าสนใจสินค้าผู้หญิง สินค้าทั้งกระสอบก็จะเป็นเสื้อคุณผู้หญิงทั้งหมด ราคาลงทุนต่อกระสอบประมาณ 8,000-15,000 บาท

แต่ ยูสด์โคลก็ได้จัดโปรโมชั่นพิเศษให้ลูกค้าหรือผู้ที่สนใจเป็นตัวแทนจำหน่ายเริ่มต้นจากจุดเล็กๆ ด้วยการลงทุนเพียงประมาณ 5,000 บาท/กระสอบ (50 กิโลกรัม) สามารถเข้าชมสินค้าได้ที่โกดังพุทธมณฑล สาย 5 เปิดทุกวันอังคารและพฤหัสบดี เวลา 11.00 - 17.00 น. หรือชมสินค้าได้ที www.usedcloh.com สนใจธุรกิจชื้องายขายคล่อง กำไรเป็นกอบเป็นกำ โอกาสดีๆ ที่ใครๆ ต้องตะลึง ติดต่อได้ที โทร 02-622-4889 หรือ 081-499-0440

2.BUC (บัค)
บริษัทนำเข้าเสื้อผ้ามือสองจากประเทศญี่ปุ่น มีสินค้าที่ส่งตรงจากญี่ปุ่นให้เลือกสรรมากมาย จำหน่ายสินค้ามือสองครบวงจร เช่น เสื้อผ้าผู้หญิง เสื้อผ้าผู้ชาย เสื้อผ้าเด็ก เสื้อผ้ารวมชายหญิง ผ้าเช็ดหน้า ผ้าคลุมไหล่ หมวก ฯลฯ ในราคาไม่แพง มีบริการจัดส่งทั่วประเทศ มีทีมงานคอยให้คำแนะนำปรึกษา BUC (บัค)จะขายสินค้าแบบยกกระสอบ 100 กก.ส่งตรงทั่วประเทศ หรือหากจะซื้อน้อย เช่น 50 กก.มีบริการให้คัดแยกผ้าหรือตัดลูกกับตัวแทนจำหน่ายได้

สนใจธุรกิจสามารถติดต่อได้ที่

บริษัท เบซ ยูส โคลส(ประเทศไทย)จำกัด Best Used Clothes( Thailand) Co.,Ltd
โทร.034-494-282,081-611-4704,087-717-5464,086-321-6954 หรือที่ www.bucthailand.com



3 ส.ค. 2554

ขนมจีนสด เอราวัณ

ขนมจีนเป็นอาหารที่คนไทยรู้จักกันมานาน ต้นกำเนิดขนมจีน คาดว่ามาจากชาวมอญที่มาอาศัยอยู่ในประเทศไทย ขนมจีนที่เรารู้จักกันกันนี้ได้มีวิวัฒนาการจน ไม่หลงเหลือ เค้าของอาหารมอญเพราะมีการคิดค้นสูตร น้ำยาต่างๆ ที่อร่อยถูกปาก ขนมจีนตามภาคต่างๆของไทยก็จะมีรสชาติที่ แตกต่างกันไป วันนี้ขนมจีนที่กำลังได้รับความนิยมมาก คือ ขนมจีนเส้นสด นั่นคือ นำแป้งที่ไม่ต้องผ่านการหมัก มาบีบโรยเส้นกันสดเส้นขนมจีนจะเหนียว อร่อยมากกว่าขนมจีนแป้งหมักที่เรารู้จักกันมา หาดใครที่กำลังมองหาธุรกิจเปิดร้านขนมจีนวันนี้ มี 1 ธุรกิจมาฝากครับ นั่นคือ ขนมจีนสด เอราวัณ

ขนมจีนสด เอราวัณ เป็นร้านขายขนมจีน และน้ำยาต่าง ๆ ที่อร่อยถุกปากคนไทย พร้อมขนมไทยต่างๆ มีสาธิตวิธีการทำขนมจีนด้วยเครื่อง ลักษณะเป็นอาหารง่าย ๆ สะดวกเสิร์ฟ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อเป็นตัวอย่างให้กับผู้ที่สนใจจะทำ แฟรนไชส์หรือซื้อสินค้าของบริษัทได้เห็น


รายละเอียดแฟรนไชส์ ขนมจีนสดเอราวัณ

1.ค่าแฟรนไชส์ฟี (Franchise Fee) 10,000 บาท
2.ค่าค้ำประกันเครื่องจักรและอุปกรณ์ 100,000 บาท
3.ค่าเช่าเครื่อง 6,000 บาท/เดือน (ไม่รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม)
4.ค่าขนส่งและติดตั้งเครื่องจักร
5.ได้รับการจัดส่งแป้งสำเร็จรูปเพื่อผลิตเส้นขนมจีนสด “เอราวัณ" แกงปรุงสำเร็จอาหารอื่นๆ และบรรจุภัณฑ์ที่กำหนด
6.มีการอบรมให้ 1 ครั้ง (ไม่คิดค่าอบรมครั้งแรก)

สนใจธุรกิจขนมจีนสด เอราวัณ ติดต่อได้
ที่อยู่ เลขที่ 19 หมู่ 1 ตำบล ยายชา อำเภอ สามพราน จ.นครปฐม 73110
โทรศัพท์ 034-225-240, 034-321-661-3

21 ก.ค. 2554

เปิดร้านขายบะหมี่

สำหรับท่านที่กำลังมองหาธุรกิจ หรือไม่รู้ว่าจะขายอะไร ลองเปิดร้านบะหมี่สไตล์ญี่ปุ่นดุมั๊ยครับ เข้าท่าดีนะ อาหารญี่ปุ่นกำลังมาแรงนะ

ธุรกิจร้านอาหารญี่ปุ่นกำลังเติบโตมาก เพราะคนไทยนอยืมบริโภคอาหารญี่ปุ่นกันมาก เป็นเทรนด์และดีต่อสุขภาพ อีกอย่าธุรกิจอาหารเป้นธุรกิจที่เติบโตได้อย่างต่อเนื่อง วันนี้มีแฟรนไชส์ร้านบะหมี่ญี่ปุ่นคิเรอิ (Kiraee)มาแนะนำ สำหรับท่านที่กำลังมองหาธุรกิจอยู่ ธุรกิจร้านบะหมี่ญี่ปุ่นคิเรอิ (Kiraee) ลักษณะที่ตั้งร้านค้า จะต้องอยู่ในแหล่งชุมชน นอกจากนี้ลูกค้าสามารถสั่งซี้อวัตถุดิบจากทางบริษัทได้ (ในกรณีที่ต้องการเพิ่มเติม) เช่น เส้นหมี่อบแห้งหลายรส หลายสี สาหร่ายอบแห้ง ปลาแห้ง เนยขาว น้ำมันงา และอุปกรณ์

เปิดร้านขายบะหมี่
ภาพจากthaigoodview.com/node/8983
** ภาพไม่เกี่ยวข้องกับธุรกิจ

รายละเอียด
เป็นตัวแทนเปิดร้านจำหน่ายบะหมี่ และผลิตภัณฑ์โดยใช้เครื่องหมายการค้า และเครื่องหมายบริการชื่อ “คิเรอิ”
พิเศษ! ช่วงนี้ 75,000 บาท สอนวิธีปรุงชาไข่มุกฟรี มีผลิตภัณฑ์เม็ดไข่มุก และผงชานม ผงขาเขียว ผงแคลตาลูป ฯลฯ จำหน่ายให้ลูกค้าที่มั่นใจในราคาปลีกและส่ง

ขายแฟรนไชส์
การทำสัญญา
ทำสัญญาปีต่อปี โดยจ่ายครั้งเดียว 75,000 บาท

เงื่อนไขการชำระเงิน
จ่าย 30 % ณ วันทำสัญญา
จ่าย 40 % ณ วันอบรม (7 เมนู)
จ่าย 30 % ณ วันส่งมอบอุปกรณ์และจะมีการเพิ่มเมนูให้อีกในปีต่อไปลูกค้าจะได้รับอุปกรณ์ “คิเรอิราเมน” ทั้งหมด

16 รายการ ดังนี้
- ตู้ราเมนพร้อมอุปกรณ์ 1 ชุด
- กระชอนลวกราเมน 5 อัน
- ชามขนาด 8 นิ้ว M 56 30 ใบ
- ชามขนาด 7 นิ้ว M 54 20 ใบ
- ช้อน M 590 50 คัน
- ตะเกียบใช้แล้วทิ้ง 2000 คู่
- กระบวยตักน้ำซุป 1 อัน
- โหลโชว์เส้นหมี่พร้อมเส้นหมี่ตัวอย่าง 12 ใบ
- กระติกน้ำแข็ง 1 ใบ
- เสื้อฟอร์ม 4 ตัว
- ผ้ากันเปื้อน 4 ผืน
- ผ้าโพกหัว 4 ผืน
- เมนูรายการอาหาร 1 ใบ
- ตะแกงใส่ชาม 1 อัน
- ตะเกียบยาว 2 คู่
- ป้ายธงญี่ปุ่นพร้อมขาตั้งเหล็ก 2 ชุด

4 ก.ค. 2554

ขายก๋วยเตี๋ยว

อาชีพขายก๋วยเตี๋ยวนั้น เป็นอาชีพที่ทำรายได้ให้ผู้ประกอบการ ได้เป็นกอบเป็นกำ แต่ทั้งนี้ต้องขึ้นอยู่กับความขยันและการมีเคล็ดลับความอร่อยของก๋วยเตี๋ยวอยูที่ น้ำซุปก๋วยเตี๋ยวที่เป็นสูตรลับของแต่ละร้านที่ไม่เหมือนกัน และการคัดสรรค์วัตถุดิบ อย่างพิถีพิถัน ไม่ว่าจะเป็นเส้นก๋วยเตี๋ยว หมู เนื้อ หรือเครื่องเคียงก๋วยเตี๋ยว

หากต้องการเปิดร้านก๋วยเตี๋ยวสักแห่ง โดยลองผิดลองถูก คงต้องอาศัยเวลานาน กว่าจะได้สูตรก๋วยเตี๋ยวที่ดี เป็นของตัวเอง วันนี้มีแฟรนไชส์ก๋วยเตี๋ยวที่น่าสนใจมาฝาก

ก๋วยเตี๋ยวเรือหมูตุ๋นเมืองกาญจน์
รายละเอียด

จำหน่ายก๋วยเตี๋ยวเรือหมูตุ๋น
จุดเด่นของก๋วยเตี๋ยวลูกชิ้นหมูท่าเรือ เมืองกาญจน์
คือมีความหลากหลายในด้านเมนูอาหาร ซึ่งได้แก่
ลูกชิ้นน้ำใส, ลูกชิ้นหมูตุ๋น, หมูเด้งต้มยำ, ต้มยำรวมมิตร, เย็นตาโฟท่าเรือ, เกาเหลาต้มยำ, และข้าวหน้าหมูตุ๋น
โดยเฉพาะการได้รับสัญลักษณ์เชลล์ชวนชิมจาก ม.ร.ว. ถนัดศรี สวัสดิวัฒน์ ชึ่งเป็นการรับประกันถึงความอร่อยได้มาตรฐาน ที่สำคัญวัตถุดิบที่ใช้ทำนั้นปราศจากสารปนเปื้อนและสารบอแรกช์ จึงปลอดภัยสำหรับการบริโภคอย่างแท้จริง

รายละเอียดการลงทุน1. เงินลงทุนต่อหนึ่งสาขา 39,000 (สามหมื่นเก้าพันบาท) พร้อมอุปกรณ์การขายครบชุด 22รายการ พร้อมสิทธิ์ในการใช้ชื่อ “ก๋วยเตี๋ยวลูกชิ้นหมูท่าเรือ เมืองกาญจน์” และเครื่องหมายรับรองคุถนภาพและความอร่อย “เชลล์ชวนชิม”
2. ลูกค้า(แฟรนไชซี)จะได้รับการต่ออายุสัญญาแฟรนไชส์รายปีให้โดยอัตโนมัติโดยไม่เสียค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม
3. เฟรช นูดเดิล มาร์ท จะจัดส่งสินค้าประเภท ลูกชิ้น หมูตุ๋น เนื้อตุ๋น หมูเด้งและเครื่องปรุงน้ำซุปให้กับลูกค้าโดยมีกำหนดเวลาที่แน่นอนในราคาที่เหมาะสมสำหรับสินค้ารายการอื่นๆ ลูกค้าสามารถซื้อได้จากแหล่งจำหน่ายใกล้ร้านค้า หรือใกล้บ้านเพื่อความสะดวกของลูกค้า
4. ลูกค้าจะได้รับการสอนวิธีการที่เกี่ยวข้องกับการขาย นับแต่การจัดเรียงสินค้าการเตรียมวัตถุดิบ การปรุงน้ำซุป การทำและการปรุงจนชำนาญเพียงพอที่จะขายได้จริง

รายการอุปกรณ์มาตรฐาน
1. รถเข็นขนาด 1.85 เมตร 4 ล้อ พร้อมหลังคาแบบยืดตัวได้ 1 คัน
2. หม้อก๋วยเตี๋ยวขนาด 23" x 18" 1 ใบ
3. หม้อตุ๋นสำหรับใส่หมุตุ๋น (หรือเนึ้อตุ๋น) 1 ใบ
4. ตู้ก๋วยเตี๋ยวชนาด 36" 1 ใบ
5. ป้าย “ก๋วยเตี๋ยวลูกชิ้นหมูท่าเรือ เมืองกาญจน์” และป้ายสัญลักษณ์ “เชลล์ชวนชิม”
6. ชุดไฟติดป้าย 1 ชุด
7. โต๊ะก๋วยเตี๋ยว 3 ตัว
8. เก้าอี้ซุปเปอร์แวร์ 12 ตัว
9. ตระแกรงคว่ำชามสแตนเลส 1 อัน
10. ตะกร้อลวกก๋วยเตี๋ยว 1 ใบ
11. กระบวยตักน้ำแกง 1 อัน
12. กระบวยใหญ่ตักน้ำซุป 1 อัน
13. โถใส่เครื่องปรุง 6 ใบ
14. พวงพริกพร้อมแก้ว/ช้อน ครบชุด 3 ชุด
15. ฝาชีครอบพวงพริก 3 ใบ
16. ชามเมลามีน 7.5 นิ้ว 4 โหล
17. ตะเกียบพลาสดติก 36 คู่
18. ช้อนสแตนเลส 3 โหล
19. ที่คีบลูกชิ้นสแตนเลส 1 อัน
20. ตะกร้าใส่ช้อนตะเกียบ 3 ใบ
21. ถังใสถั่วงอก 1 ใบ
22. ชามแก้วใสใส่ผัก 2 ใบ

นโยบาย
- จะไม่ขยายสาขาซ้อนกัน สาขาที่ทำอยู่ก่อนจะมีสิทธิ์มากกว่า เจ้าใหม่
- มีศูนย์ฝึกอบรม ให้ฟรี

คุณสมบัติผู้ร่วมทุน
- มีใจอยากทำธุรกิจ
- มีเงินทุนเริ่มต้น

ก๋วยเตี๋ยวเรือหมูตุ๋นเมืองกาญจน์
ที่อยู่ห้างหุ้นส่วนจำกัด เฟรช นูดเดิ้ล มาร์ท 38 อาคารพรีเมียร์เพลซ (ข้างเสรีเซ็นเตอร์)
ซอยพรีเมียร์2 ถนนศรีนครินทร์ ประเวศ กรุงเทพฯ 10260
โทร0-2748-2096-7

28 มิ.ย. 2554

โจ๊กบางกอก

โจ๊กเป็นอาหารเช้า ที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก ธุรกิจร้านขายโจ๊กจึงไม่เคยเงียบเหงา หากอยากลงทุนเปิดร้านขายโจ๊ก แต่ทำไม่เป้น วันนี้ มีธุรกิจแฟรนไชส์เกี่ยวกับโจ๊กชื่อดัง ไว้รอรับการตัดสินใจของท่านแล้ว
“โจ๊กบางกอก” มาจากสูตรโจ๊ก ที่เป็นส่วนผสมโจ๊กสไตล์ฮ่องกง ดัดแปลงรสชาติให้ถูกปากคนไทย โดยไม่เหลวหรือข้นเกินไป เหมือนโจ๊กทั่วๆไป ใช้ข้าวหอมมะลิ คุณภาพภาพดี หอมนุ่ม


ทำเลที่เหมาะจะเปิดร้านขายโจ๊ก ควรอยู่ในเขตชุมชน มีผู้อาศัยเป็นหมู่บ้าน อพาร์ทเมนท์ ควรมีที่จอดรถให้ลูกค้า ที่จะซื้อกลับบ้าน เวลาที่เหมาะแก่การขายโจ๊ก เริ่มตั้งแต่ 4 โมงเย็น ถึงหลังเที่ยงคืน ตีหนึ่ง ตีสอง และอาจเลยไปถึง 9 - 10 โมงเช้า ระยะเวลาเปิดร้านขึ้นกับทำเลที่ตั้ง และกลุ่มลูกค้าเป้าหมาย

โจ๊กบางกอก

ภาพจากchalermsart.net
ชื่อ “โจ๊กบางกอก” เพราะถือว่าเป็นโจ๊กที่คิดค้นปรับปรุง และพัฒนาสูตรขึ้นมาใหม่ในกรุงเทพฯ รสชาติอร่อยถูกปากคนไทย

จุดเด่นของ"โจ๊กบางกอก”
1. โจ๊กบางกอกมีรสชาติอร่อยโดดเด่น เนื้อโจ๊กละเอียด ไม่เหลว หรือข้น จนเกินไป หมูมีรสชาติ กลมกล่อม เป็นสูตรเฉพาะของโจ๊กบางกอก เครื่องในมีให้เลือกทั้งไส้อ่อน ตับ และกระเพาะ ไข่มีให้เลือกทั้ง ไข่ลวก ไข่เค็ม ไข่เยี่ยวม้า
2. เครื่องเคียงอย่าง ขิง หอมซอย เสริฟแยกต่างหาก ลูกค้าปรุงได้ตามใจชอบ และเสริฟใหม่ทุกครั้งเพื่อความสด
3. เครื่องปรุง ได้แก่ พริกไทย พริกป่น พริกน้ำส้ม น้ำตาลทราย ชีอิ๊ว มีบริการทุกโต๊ะ และแพ็คใส่ถุงสำหรับโกใส่ถุง
4. หมีกรอบ ปาท่องโก๋ มีบริการโดยไม่คิดราคา
5. ร้านสะอาด น่านั่ง พนักงานใส่ชุดฟอร์ม สุภาพและเป็นกันเอง

โจ๊กบางกอก

ภาพจากthaifranchisecenter.com

เงื่อนไขการลงทุนแฟรนไชส์“โจ๊กบางกอก”
1. ก่อนลงทุนทำร้านโจ๊กบางกอก ผู้สนใจต้องมีทำเลก่อนโดยเราจะวิเคราะห์ทำเลก่อนว่ามีศักยภาพหรือไม่ทำรายได้ต่อวันเท่าไหร่ ผลตอบแทนเท่าไหร่ เมื่อทั้งสองฝ่ายตกลงกันว่าจะลงทุนแล้วจึงทำสัญญา
2. ชำระค่าแฟรนไชส์ 10,000บาทเพื่อเข้ารับการอบรมการทำโจ๊กที่สาขาต้นแบบ
3. ตกลงรายละเอียดอุปกรณ์ที่ต้องใชั การจัดร้าน การทำป้าย ไฟหน้าร้าน โดยค่าใช้จ่ายเป็นความรับผิดชอบของแฟรนไชส์ซี่

คุณสมบัติของแฟรนไซส์“โจ๊กบางกอก”
1. มีความตั้งใจที่จะเป็นเจ้าของธุรกิจ
2. มีทำเลที่มีศักยภาพ
3. มีเงินลงทุนประมาณ 100,000 - 170,000 บาท

ขั้นตอนการลงทุน“โจ๊กบางกอก” จะแบ่งออกเป็น 3 ช่วง
1.ช่วงก่อนเปิดร้าน
1.ผู้รับอนุญาต หรือตัวแทน เข้ารับการอบรมที่ร้านต้นแบบ (สาขาโชคชัย 4 ดังนี้)
2.ศึกษาการจัดการร้านโจ๊ก
3.ข้อกำหนดในการจัดหรือตกแต่งร้าน
4.ศึกษากรรมวิธีการเตรียมวัตถุดิบ อย่างละเอียด พร้อมกับลงมือปฏิบัติ
5.การเตรียมเครื่องปรุง
6.อบรมการปรุงโจ๊กขายหน้าเคาน์เตอร์
7.ผู้ให้อนุญาต จัดเตรียมอุปกรณ์บังคับ และดูแลการจัดทำป้ายร้านให้แก่ผู้รับอนุญาต


2.ช่วงเปิดร้าน
ผู้ให้อนุญาตส่งพนักงานที่มีความชำนาญ ไปกำกับดูแลการทำงานเป็นจำนวน 5 ครั้ง ครั้งละ 4 ชั่วโมง เริ่มตั้งแต่วันเปิดร้าน


3.ขั้นตอนการเริ่มต้นธุรกิจ
1.แสดงความจำนง (กรอกใบสมัคร)
2.หาทำเลที่เหมาะสม (ได้รับความเห็นชอบจากแฟรนไชส์ซอร์)
3.นัดวันทำสัญญา ชำระค่าแฟรนไชส์ และกำหนดวันเปิดด้าน
4.เตรียมอุปกรณ์และตกแต่งร้าน
5.เข้าฝึกอบรมวิธีการทำโจ๊ก
6.เปิดบริการ โดยได้รับการดูแลจากแฟรนไชส์ซอร์ เพื่อให้โจ๊กมีมาตรฐานเดียวกัน
ระยะเวลาจากขั้นตอน 1 - 6 ประมาณ 1-2 เดือน


สนใจร่วมธุรกิจแฟรนไชส์กับโจ๊กบางกอก ติดต่อ
คุณสมชัย ธุรกิจเสรี ที่อยู่ บริษัท เจบีเค ฟู้ดส์ จำกัด 1/226 ซอย 35 ถนนโชคชัย 4 ลาดพร้าว กรุงเทพฯ 10230
โทร 0-1831-1495

21 มิ.ย. 2554

เย็นซ่าสกายแล็ป ภูเก็ต

อากาศร้อนอบอ้าว ใครๆก็อยากกินอะไรที่เย็นๆชื่นใจ ธุรกิจเกี่ยวกับเครื่องดื่มจึงไม่มีวันตาย

เย็นซ่าสกายแล็ป ภูเก็ต เป็นการคิดไอเดียที่รวบเอารถตุ๊กๆหรือที่เรียกอีกอย่าง ว่าสกายแล็ป มาดัดแปลงเป็นรถขายน้ำอัดลมโบราณ ที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะ ที่โดดเด่นไม่ซ้ำใครและสร้างจุดขายให้แก่สินค้าได้ โดยเฉพาะที่ภูเก็ตก็เป็นเมืองท่องเที่ยว ของคนไทยที่ชาวต่างชาตินิยม ไอเดียนี้ น่าสนใจ ใครจะเอาไปประยุกต์ใช้กับธุรกิจขายน้ำชนิดอื่นก็ดูเข้าท่าไม่น้อย เคลื่อนที่ไปไหนมาไหนคล่องตัว
เข้าถึงทุกกลุ่มลูกค้าเป้าหมาย ตะเวนไปตามงานต่างๆก็ง่ายจอดข้างทางข้างฟุตบาต


รายละเอียด
จำหน่ายน้ำอัดลมโบราณ เน้นการขายแฟรนไชส์ และขยายธุรกิจของตัวเอง
การลงทุนตำให้ผลกำไรสูง โดยทางเรา เย็นซ่าสกายแล็ปภูเก็ตให้การสนับสนุน
1. เครื่องมืออุปกรณ์ทั้งหมด
2. น้ำหวานครั้งแรกจำนวน 20 ลิตร
3. โซดา + หัวเชื้อ
4. การสนับสนุนการขาย เช่น ป้ายโฆษณา และจัดสถานที่ให้
5. สติ๊กเกอร์
6. ราคาน้ำหวานต่อลิตร ๆ ละ 100 บาท
7. โซดา + หัวเชื้อ ลิตรละ 5 บาท
8. บริการจัดส่ง

ลักษณะร้านแบ่งเป็น 2 ลักษณะ คือ
1. แบบบูธตั้งอยู่กับที่
2. แบบรถพ่วงข้าง

สนใจธุรกิจ เย็นซ่าสกายแล็ป ภูเก็ต (Yensa Sakeylab Puket)
ประเภทธุรกิจ ร้านขายเครื่องดื่ม
ที่อยู่ 5/22 หมู่บ้านตะวันนา ถ.สุขาภิบาล 5
ซ.จตุรโชติ ออเงิน สายไหม กรุงเทพ 10230
โทรศัพท์ 02-9787739, 01-4036592

17 มิ.ย. 2554

กาแฟ ตุ๊ก ตุ๊ก(Tuk Tuk Coffee)

การเปิดร้านนั้นต้องอาศัยไอเดียต่างๆเพื่อช่วยเพิ่มยอดขาย และสร้างเอกลักษณ์เป็นของตนเอง ดังเช่น กาแฟตุ๊ก ตุ๊ก มีความโดดเด่นมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว เป็นที่น่าสนใจแก่ผู้บริโภค แฟรนไส์กาแฟตุ๊กตุ๊ก ก่อตั้ง เมื่อ 9 มกราคม พ.ศ. 2546 โดยใช้โลโก้เป็นภาพ รถตุ๊กตุ๊ก กับ แก้วกาแฟ ซึ่งผู้คิดเข้าใจว่ามันสื่อความหมาย ออกมาได้อย่างชัดเจนโดยไม่ต้องการคำแปล แต่จะทำอย่างไรให้คนที่ดื่มกาแฟ ได้มีโอกาสรู้ว่า กาแฟตุ๊ก ตุ๊ก นั้นเป็นของคนไทยแต่ รสชาติอินเตอร์ ผู้คิดเลยคิดว่าน่าจะทำเป็นธุรกิจแฟรนไชส์รถตุ๊กตุ๊ก ไปเลย

สินค้าและบริการของกาแฟ ตุ๊ก ตุ๊ก(Tuk Tuk Coffee)
- กาแฟตุ๊ก ตุ๊ก
- น้ำแข็งอนามัย
- ถ้วยใส่กาแฟ แบบร้อน และ เย็น
กาแฟตุ๊ก ตุ๊กมีความตั้งใจว่า ในอนาคตอันใกล้นี้ กาแฟตุ๊ก ตุ๊ก จะเพิ่ม สินค้าประเภท ขนมแกล้มกับกาแฟ อาทิ คุ้กกี้, ขนมเปี๊ยะสามรส, ขนมเค้กหน้าฝอยทอง, ท็อฟฟี่เค้ก, ขนมปังไส้หมูหยอง ฯลฯ
และสินค้าประเภท ของที่ระลึก อาทิ เสื้อยืด, กางเกง, หมวก, กระเป๋า, พวงกุญแจ และอื่นๆอีกมากมาย เพื่อเสริม

รูปแบบร้านกาแฟตุ๊ก ตุ๊ก มี 2 ขนาด
1. ขนาดเล็ก 85x171x94 Cm. สำหรับเป็นเคาน์เตอร์ในร้านขายกาแฟ
2. ขนาดใหญ่ 126x318x178 Cm. สำหรับตัวแทนจำหน่ายประจำจังหวัดขนาดเท่ารถตุ๊ก ตุ๊กจริง มีป้ายทะเบียนถูกต้อง สามารถขับขี่บนท้องถนนได้ ทั้งสองขนาดติดตั้งเครื่องเล่นซีดี
สำหรับ เปิดเพลง กาแฟตุ๊ก ตุ๊ก

เงื่อนไขการลงทุนแฟรนไชส์กาแฟ ตุ๊ก ตุ๊ก(Tuk Tuk Coffee) ทำสัญญา 5 ปี
- จำนวนเงินลงทุน และทุนหมุนเวียนไม่เกิน 100,000 บาท สำหรับ ร้านขนาดเล็ก (สถานที่ตั้งขาย ไม่ซับซ้อนในเขตเดียวกับสมาชิกท่านอื่น)
- จำนวนเงินลงทุน และทุนหมุนเวียน ไม่เกิน 500,000 บาท สำหรับร้านขนาดใหญ่เพื่อเป็นตัวแทนจำหน่ายประจำจังหวัด (รับสมัครจังหวัดละ 1 สาขา)
- ซื้อ และ ขาย เฉพาะสินค้าของ บริษัท กาแฟ ตุ๊ก ตุ๊ก จำกัด
- ชำระเฉพาะค่าธรรมเนียมแฟรนไชส์แรกเข้าไม่มีการเรียกเก็บเป็นรายปี


หากสนใจสามารถเข้าชมร้านตัวอย่างได้ที่
มาจากสี่แยกเกษตร ข้ามสะพานบางบัวมา ประมาณ 200 เมตร มาจากอนุสาวรีย์บางเขน กลับรถหน้า ม.ศรีปทุม แล้วข้ามสะพานบางบัวมาประมาณ 200 เมตร
ที่ตั้งเป็นอาคาร 4 ชั้น ด้านหน้าติด ถ.พหลโยธินด้านซ้ายดิดกับโรงรับจำนำบางบัว จอดรถในชอย ม.ถาวรวิลล่า ด้านข้าง

สนใจแฟรนไชส์กาแฟ ตุ๊ก ตุ๊ก(Tuk Tuk Coffee) ติดต่อได้ที่
ที่อยู่ บริษัทกาแฟ ตุ๊ก ตุ๊ก จำกัด เลขที่ 301/4
หมู่ 6 ถนนพหลโยธิน แขวงอนุสาวรีย์เขตบางเขน กรุงเทพมหานคร 10220
โทรศัพท์ 02-972-9424-9 โทรสาร 02-972-9430
อีเมล: info@gafaetuktuk.com

9 มิ.ย. 2554

ขายเฟรนฟรายส์ทอด

มันฝรั่งทอดสำเร็จรูป หรือที่เรียกกันว่า"เฟรนฟรายส์ทอด"กำลังได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก โดนเฉพาะในกลุ่มวัยรุ่นนั้น นิยมกินกันมากๆ อีกอย่างมันฝรั่งทอดเป็นอาหารที่กินง่าย ให้พลังงานสูง ขายง่ายใช้เวลาในการทำไม่นาน จึงเป็นธุรกิจที่น่าสนใจเป็นอย่างยิ่ง สำหรับคนที่กำลัง คิดว่าจะขายอะไรดี ลองขายมันฝรั่งทอดก็น่าจะเวิร์คนะ

เฟรนฟรายส์ทอด

ขอบคุณภาพจากmarketthai.com


วันนี้มีหนึ่งแฟรนไชส์มันฝรั่งทอดมาแนะนำนั่นคือ สปุ๊ด ฟราย (SPUD FRY) เป็นเฟรนฟรายส์ทอดที่ได้รับการคิดค้นสูตรขึ้นโดยเฉพาะสำหรับเครื่องทำมันฝรั่ง ด้วยมือ ของเราวิธีทำง่ายมาก เพียงนำ สปุ๊ด ฟราย ผสมกับน้ำ และกดผ่านแท่นพิมพ์ จากนั้นไปทอดใช้เวลาเพียง 90 วินาที

คุณก็จะได้ สปุ๊ด ฟราย แสนอร่อยรูปทรงต่างๆ ที่จะทำให้คุณได้ผลกำไรมหาศาล สปุ๊ด ฟราย ทำจากมันฝรังรัสเซตต์ 100% มิกซ์ของเราทำจากมันฝรั่งที่ดีที่สุดในโลก สภาพดินและอากาศในภาคตะวันออกเฉียงเหนือของสหรัฐอเมริกาอำนวยต่อการปลูกมันฝรั่ง
และที่ดีทีสุดคือ มีรสชาติที่ไม่มีใครเทียบได้

ขายแฟรนไชส์สปุ๊ด ฟราย (SPUD FRY)
ทำไมต้องลงทุนกับ สปุ๊ด ฟราย (SPUD FRY)
1. สินค้าจากอเมริกา
2. เปิดตัวครั้งแรกในประเทศไทย
3. คืนทุนภายใน 3 เดือน

ข้อเด่นของ สปุ๊ด ฟราย (SPUD FRY)
1. ไม่ต้องแช่แข็ง จึงไม่ต้องเสียค่าห้องเย็น ในการเก็บหรือ การขนส่ง
2. ประหยัดพลังงาน ใช้เวลาทอดเพียงครึ่งของฝรั่งแช่แข็ง
3. คุณภาพคงที่และมีความยาวสม่ำเสมอ
4. ถูกกว่ามันฝรั่งแช่แข็ง
5. ทำง่าย และไม่ต้องใช้แรงงานมากเท่ากับมันฝรังแช่แข็ง
6. กรอบ อร่อย รสขาติชวนชิม

ลักษณะทั่วไปของส่วนประกอบ
สปุ๊ด ฟราย (SPUD FRY) เป็นมันฝรั่งสำเร็จรูปใช้ผสมน้ำเย็นโนอัตราส่วน ผงมันฝรั่ง 1 ส่วน ต่อน้ำ 2 ส่วน นำไปกดเป็นรูปต่างๆ นำไปทอดน้ำมันร้อนๆ รับประทานได้ทันที

ราคาอุปกรณ์การขาย
ชุด A ราคา 35,900
1. เคาเตอร์ไม้ 1 ชุด
2. เครื่องอัด SPUD FRY 1 เครื่อง
3. เตาทอด 1 เครื่อง
4. ชุดถาดใส่ sSPUD FRY 1 ชุด
ชุต B ราคา 49,500 บาท
1. รถสแตนเลส 1 คัน
2. เครื่องอัด SPUD FRY 1 เครืjอง
3. เตาทอด 1 เครื่อง
4. ชุดถาดใส่ SPUD FRY 1 ชุด
5. อุปกรณ์การขาย 1 ชุด


สนใจขายเฟรนฟรายส์ทอด สปุ๊ด ฟราย (Spud Fry) ติดต่อ
ที่อยู่ 1034/29 ซ.สะพานคู่ ถ.พระราม 4
แขวงทุ่งมหาเมฆ เขตสาทร กรุงเทพ 10200
โทรศัพท์ 0-2677-6388-9

6 มิ.ย. 2554

ไอติมโบราณ ร้อยรส

ไอติมเป็นของหวานกินเล่น เย็นๆชื่นใจ เหมาะสำหรับเมืองไทย ที่เป็นเมืองร้อน อากาศร้อนอบอ้าวทั้งปี ไอติมร้อยรส แฟรนไชส์ไอติมโบราณ หอม หวาน อร่อย ได้รสชาติ ไอติมโบราณ ที่กินได้ไม่ง่าย
จากประสบการณ์มากกว่า 2 ปี ที่ได้สร้างแฟรนไชส์ “มิสเตอร์ชาชัก แอนด์โรตี” ให้ประสบความสำเร็จและเป็นที่รู้จักโดยทั่วไป ทำให้วันนี้ได้มองเห็นโอกาสและช่องว่างทางการตลาดได้เปิดธุรกิจตัวใหม่แฟรนไชส์ไอติมโบราณ “ร้อยรส” เพื่อตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคและสร้างงาน สร้างอาชีพ สร้างรายได้ ให้กลุ่มรากหญ้า ด้วยการเริ่มต้นธุรกิจที่ใช้เงินลงทุนต่ำ เพียง 2,000 บาท
รวยได้ง่ายๆ กับหลากหลายรูปแบบการลงทุน


ไอติมโบราณ ร้อยรส

ภาพจากitim-boran.com/01.html

รูปแบบการลงทุน
รูปแบบที่ 1 ลงทุนเริ่มต้นที่ 2,000 บาท
เป็นเงินค่าประกันถังไอติมซึ่งจะได้รับถังไอติม 1 ใบ พร้อมไอติม

รูปแบบที่ 2 ลงทุน 25,000 บาท
ได้รับตู้แช่ไอติม และไอติม 400 แท่ง พร้อมอุปกรณ์การขายครบชุด
รูปแบบที่ 3 ศูนย์จำหน่ายประจำจังหวัด
ได้รับสิทธิ์ในการเป็นตัวแทนจำหน่ายประจำจังหวัดกระจายสินค้าให้สาขาแฟรนไชส์ในพื้นที่
รูปแบบที่ 4 ศูนย์จำหน่ายประจำภูมิภาค
เป็นหุ้นส่วนพันธมิตรกับบริษัทฯ ทำหน้าที่เป็นโรงงานผลิตไอติมและได้รับสิทธิ์ในการเป็นตัวแทนจำหน่ายประจำภูมิภาค กระจายสินค้าให้ศูนย์จำหน่ายประจำจังหวัดและสาขาแฟรนไชส์ในพื้นที่
ลงทุนน้อย คืนทุนเร็ว กำไรดี ลงทุนเริ่มต้นเพียง 2,000 บาท

**ใหม่แฟรนไชส์จักรยาน พร้อมอุปกรณ์ครบชุด 15,000 บาท/คัน (มีระบบเงินผ่อน)
สนใจธุรกิจร้อยรสไอติมโบราณ
สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ หจก. ดี.ดี. ฟู้ด เน็ตเวิร์ก 49/104 หมู่ที่ 7 ถ.บางขัน-คลองหลวง ต.คลองหลวง อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี โทร.0-2516-4091, 086-355-8191
โปรโมชั่นพิเศษแฟรนไชส์ผ่อนได้ ดอกเบี้ย 0% www.itim-boran.com

4 มิ.ย. 2554

ทำวุ้นขาย

“วุ้นที่สอนก็เป็นหุ้นที่รู้จักกันทั่วไป ก็วุ้นกะทิ ถ้าเป็นผู้เฒ่าผู้แก่จะถามถึงวุ้นไข่ วุ้นสังขยา นอกจากนี้ยังมีการดัดแปลงเป็นวุ้นชนิดอื่น ๆ ได้อีกหลายอย่างอย่างที่เราเรียกกันว่า วุ้นเค้ก ซึ่งก็เป็นวุ้นกะทิ นิยมทำสลับชั้นแล้วใช้พิมพ์รูปต่าง ๆ เป็นรูปสัตว์ รูปผลไม้ดอกไม้แปลก ๆ ใบไม้ ทั้งเป็นพิมพ์กดและพิมพ์ที่หล่อออกมาเป็นรูปก็มี”
นอกจากวุ้นอย่างเดียวแล้ว ยังสามารถใส่ผลไม้บางชนิดผสมลงไปได้ด้วย ช่วยเพิ่มรสชาติของวุ้นให้ดีขึ้น เช่น สามารถผสมกับโยเกิร์ต ผสมกับผลไม้ตามฤดูกาล เช่น สับปะรด ขนุน ฯลฯ โดยกรรมวิธีในการผลิตวุ้นก็่แตกตางไปจากเดิมในกรณีที่เป็นต้นล้วน ๆต้นทุนในการผลิตวุ้นขายก็ไม่สูงมากนัก วัตถุดิบมีราคาสูงจะมีแต่เฉพาะตัวผงวุ้นเท่านั้น เพราะเป็นการค้าที่ต้องนำเข้าจากต่างประเทศผงวุ้นต้องนำเข้ามาแล้วมาผลิต เกือบทุกยี่ห้อผลิตมาจากสาหร่าย น่าจะมาจากแถวญี่ปุนจึงแพงหน่อยปริมาณที่ทำออกมาได้ก็ค่อนข้างเยอะ กำไรตอนแรกไม่มากนัก แต่ขึ้นกับการทำให้ดูน่าสนใจ มันจะมี
พึ้นไปเอง

ทำวุ้นขาย

ภาพจากladysquare.com

ทา้งด้านการขายนั้นผู้ที่จะผลิตขายนั้นต้องสนใจในเรื่องของหีบห่อสักหน่อย เพื่อให้ได้
วุ้นที่น่ารับประทาน เป็นที่น่าสนใจของผู้บริโภค เป็นที่สะดุดตา ราคาขายนั้น ขายกันตามน้ำหนักกระบวนการในการผลิตนั้น เริ่มต้นอาจจะต้องรู้จักช้อนตวงที่มีขายตามห้างสรรพสินค้าหรือร้านต่าง ๆเพื่อใช้ในการตวงวัตถุดิบต่างๆแนะนำให้ใช้
ช้อนตวงชนิดสเตนเลสที่ได้ขนาดถูกต้องกว่าแบบที่เป็นพลาสติก ช้อนตวงจะขายเป็นชุดเป็นพวง มี 4 ขนาด
อยู่ด้วยกันคือ

ขนาด 1 ช้อนโต๊ะ 1 ช้อนชา ครึ่งช้อนชา
และ 1 ใน 3 ช้อนชา นอกจากช้อนตวงแล้วยังมีถ้วย
ตวงสำหรับตวงวัตถุดิบที่เป็นของแข็ง เช่น น้ำตาล แป้ง
มีสเกลบอกปริมาตรขนาด 1 ถ้วยตวง ครึ่งถ้วยตวง 1
ใน 2 ถ้วยตวง และ 1 ใน 4 ถ้วยตวง

การทำวุ้นนั้นไม่ยากเย็นอะไรเลยเริ่มต้น โรยผงวุ้นลงในน้ำตามส่วน คือ ผงวุ้น 1ช้อนโต๊ะ ต่อน้ำ 2 ถ้วยครึ่ง หรือ 3 ถ้วย ถ้าใช้น้ำ แต่เป็นกะทิก็เหมือนกัน ถ้าตัวทำละลายเกิน 3 ถ้วยตวงวุ้นเมื่อเซ็ตตัวจะไม่ค่อยอร่อย เริ่มต้นด้วยโรยผงวุ้นลงในน้ำแล้วผักไว้สัก 10 นาที ให้วุ้นดูดน้ำให้เต็มที่ ตั้งไฟให้เลือดด้วยไฟขนาดปานกลาง อาจจะใส่สีใส่กลิ่นด้วยก็ได้ เมื่อวุ้นเดือดจะสีใส ใส่น้ำตาลทราย ค่อน
ถ้วยตวง รสชาติจะได้ไม่หวานจัด แต่จะใส่มากหรือน้อยกว่านี้เล็กน้อยตามแต่ความชอบ ถ้าชอบหวานก็
ใส่มากกว่านี้ เมื่อวุ้นเดือดเคี่ยวสัก 5 นาที ก็เทลงพิมพได้ แล้วพิมพ์นั้นมีหลากหลายแบบ หาได้ตามร้านขายอุปกรณ์ เค้ก ทั่วๆไป

ถ้าทำเป็นวุ้นหลาย ๆ ชั้น เมื่อเทชั้นหนึ่งแล้วต้องรอให้ชั้นนั้นอยู่ตัวพอดี คือให้เช็ตตัวประมาณ 80 เปอร์เซ็นต์ แล้วค่อยหยอดอีกชั้นลงไป ตอนแรก ๆ อาจจะหัดหยอดวุ้นกะทิให้ชำนาญก่อน คือวุ้นชั้นหนึ่ง กะทิชั้นหนึ่ง จนกว่าจะเชี่ยวชาญ จากนั้นเมื่อชำนาญดีแล้วจึงค่อยเทแบบที่เป็นสีสลับชั้นกัน คือ เมื่อเทวุ้นซ้อน 2 ชั้น แล้วสีจะไม่ซึ่งเข้าผสมกันเพราะว่าแต่ละชั้นยังไม่อยู่ตัว หรือเทแล้วแต่ละชั้นไม่ติดกัน เพราะแห้งเกินไปกลายเป็นขนมชั้น จากนั้นจึงค่อยมาเทวุ้นแต่ละชั้นเป็นสีสลับกันทีสำคัญทำแล้วจะต้องเข้าตู้เย็น เพราะถ้าไม่อยู่ในตู้เย็นวุ้นจะคืนตัวต่อไปเมื่อมีความชำนาญมากขึ้น ก็สามารถดัดแปลงเพิ่มเติมวัตถุดิบผสมลงไปได้ เช่น เมล็ดแมงลัก ฝอยทอง ใส่ลงไป หรืออาจจะใส่ลูกชุบ ใส่ทองหยิบ ก็จะทำให้หน้าตา รสชาติของวุ้นแตกต่างออกไป อาจจะเป็นผลไม้รวมกระป๋อง ผลไม้สด แต่ถ้าจะใส่แตงโมต้องลดน้ำที่เป็นส่วนผสมของวุ้นลงเล็กน้อย เพราะว่าในแตงโมก็มีน้ำเช่นกัน ใส่นมสดก็ได้ หากใส่นมจืดวุ้นก็จะกลายเป็นเต้าฮวยไป อย่างไรก็ตาม การผสมวัสดุอะไรลงไป ควรจะต้องทดลองดู ว่าใส่อะไร เท่าไร วุ้นเป็นอย่างไร

การทำวุ้นไข่

เริ่มต้นด้วยวุ้นผง 1 ช้อนโต๊ะ น้ำ ๒ ถ้วยครึง น้ำตาลทราย 3/4 ถ้วยตวง
ไข่ไก 1 ฟอง สีผสมอาหารสีเหลืองไข่ กลิ่นมะลิ ดำเนินการตามกระบวนการ ใส่วุ้นในน้ำ พอวุ้นดูดน้ำ ตั้งไฟเคี่ยว
เติมน้ำตาล เติมกลิ่นมะลิเพื่อกลบกลิ่นไข่ ไข่ 1 ฟองตีพอเข้ากันไม่ถึงกับฟู เมื่อเคี่ยววุ้นจนเดือดปุด ๆ แล้ว
เทไข่ให้กระจายให้ทั่ว เคี่ยวต่อจนไข่สุก ถ้าวุ้นไม่เดือดไข่จะคาว และเวลาตอนโรยไข่ให้ยกไข่สูง ๆเมื่อไข่สุกก็เทลงพิมพ์ุ

การทำวุ้นมะพร้าว
เนื้อมะพร้าวอ่อนต้องหั่นป็นชิ้นเล็ก ๆ เริ่มต้นทำโดยกการใช้ผงวุ้นใส่ในน้ำมะพร้าวแล้วเคี่ยว เติมน้ำตาล พอได้ที่ลดไฟให้อ่อนลง
ใส่กะทิลงไป เคี่ยวจนเดือดรุม ๆ ปิดไฟ แล้วใส่เนื้อมะพร้าวอ่อนชิ้นเล็ก ๆ ลงไป จากนั้นจึงตักหยอดพิมพ์
อุปกรณ์การทำวุ้นไม่มากอยู่แล้ว ต้นทุนไม่กี่ร้อย 400-500 บาท ก็ทำได้เยอะแล้ว

สิ่งสำคัญในการทำวุ้น คือวัตถุดิบ เช่น วุ้นอาจจะต้องเลือกยี่ห้อที่จะนำมาใช้ชนิดจะมีคุณสมบัติทา้งเคมีในการดูดน้ำ
และเซ็ตตัว ความยืดหยุ่นของเนื้อผิวสัมผัสแตกต่างกัน จะรู้สึกได้เมื่อตอนรับประทาน จะติดใจหรือไม่ก็
ตรงวัตถุดิบ นี่ก็เป็นอีกส่วนหนึ่ง สำหรับกะทิ ควรจะเป็นกะทิ ทีคั้นจากมะพร้าวสดๆ ทางที่ดีควรจะคั้นเอง โดยเฉพาะอย่างยิ่งจะ
คั้นจากมะพร้าวที่ขูดขาวไม่มีร่องรอยของกะลาๆ ติดมาด้วย เพราะกะทิที่คั้นได้จะหอม หากใช้กะทิสำเร็จรูปรสชาติจะไม่ค่อยดี
ต้องคำนึงถึงผู้บริโภค อันนี้ขอแนขะนำสำหรับผู้ขะทำเป็นอาชีพว่า ไม่ว่าจะทำอะไรนะ ถ้าเราให้ผู้บริโภค แล้วเขาจะอุดหนุนเราตลอดไป เราเลือกของที่ดี เพื่อว่าเขารับประทานแล้วจะคุ้ม

ผู้ที่คิดจะทำอาชีพนี้บ้าง
- ควรจะหาตลาดก่อน อันดับแรกเลยว่าเราจะขายอย่างไร ตรงไหน ดูกลุ่มลูกค้าว่า ชอบวุ้นแนวไหน ส่วนใหญ่จะเป็นวุ้นสีา้น
เพราะว่าวุ้นสีจะมีสีสวยน่ารับประทาน ควรทำหลายๆแบบให้เขาเลือกก็ได้ แพ็กกล่องหนึ่งอาจจะมีหลายรสให้ชิม ในช่วงแรก ๆ เมื่อเริ่มทำไปเลือกดูพิมพ์ ถ้ามีกลุ่มลูกค้าวัยเด็กหรือวัยรุ่น อาจจะใช้พิมพ์รูปสัตว์ ผลไม้ เพราะจะดูน่ารัก ใส่ในกล่องที่สะดวกสำหรับการรับประทาน อาจจะมีไม้หรือส้อมเล็ก ๆ น่ารักใส่ลงไปด้วย ช่วยให้สะดวกในการขัประทานรสชาติเป็นสิ่งที่สำคัญมากเลย อาจจะต้องอาศัย
ความชำนาญเพื่อให้ได้รสชาติออกมากลมกล่อม ผิวสัมผัส เนื้อสัมผัสที่ดี ถ้ามีร้านใหญ่หรือสามารถรับสั่งทำ
ได้ก็อาจจะทำวุ้นเค้กเป็นชั้น ๆ อันนี้จะได้ราคาดี เพราะสวยงาม เป็นของขวัญได้ เป็นขนมตามเทศกาลได้อย่าง
หนึ่ง ถ้าทำแล้วไปฝากขายก็ได้ อาจจะฝากตามร้านชำร้านขนมตามซูเปอร์มาร์เกต อันนี้จะต้องขึ้นกับความ
สามารถในการติดต่อไปวางสินค้า ถ้าจะวางตามซูเปอร์มาร์เก็ตต้องใดูหีบห่อให้มิดชิด ต้องป้องกันการปนเปื้อน
ต้องให้ดูน่ารับประทาน ควรบอกอายุการเก็บด้วยวุ้นต้องอยู่ในตู้เย็น ถ้าอยู่ในตู้เย็นจะอยู่ได้ 1 สัปดาห์
หนึ่ง ถ้าเกินจากนั้นแม้จะยังไม่เสียแต่รับประทานไม่อร่อยนเล้ว วุ้นจะค่อย ๆ คนตัว คือคายน้ำออกมา รส
ชาติจะเปลี่ยนไป กะทิจะหืน ที่ว่าแช่ในตู้เย็นนี่แช่ช่องธรรมดา อุณหภูมิ ประมาณ 8-10 องศา กำลังดี แช่
แล้วเวลารับประทานหวานชื่นใจ ถ้าไม่แช่เย็นจะไม่อร่อยเลย

ราคาขายวุ้นตั้งอย่างไร
- ดูในท้องตลาด ดูรูปแบบด้วย เทียบกับต้นทุนของเราด้วยว่าเราจะรับราคานั้นไหวมั้ย เทียบกับค่าใช้จ่ายทุกอย่าง ไมใช่แต่เฉพาะวัตถุดิบและขั้นตอนการทำต้องคิดถึงค่าแก๊ส ค่าหีบห่อ ค่าขนส่ง
-อาชีพขายวุ้น เป็นที่น่าสนใจ เพราะผู้ใหญ่หลายคนไม่ชอบรับประทานเค้กเพราะกลัวจะอ้วน แต่วุ้นนี่รับประทานได้เรื่อย ๆ มันเย็น ไม่อ้วนแช่ตู้เย็นรับประทานได้หลายวัน

ช่วงไิหนจะขายดีที่สุด
- ช่วงเทศกาล ส่งเป็นของขวัญแทนเค้กได้ เราสามารถทำรูปร่า้งหน้าตาให้ออกมาสวยงามอย่างเค้กได้เพราะจะมีพิพ์หลายรูปแบบให้เลือก เรามีเทคนิคต้องหาความชำนาญในการหยอดพิมพ์ให้ออกมาเป็นกุหลาบ รูประฆัง สามารถตัดเป็นชิ้น ๆ เหมือนเค้กได้

ข้อมูล เฉพาะในการทำวุ้น

ประเภทธุรกิจ - วุ้นสารพัดแบบ

การดำเนินกิจการ
- กิจการทำอยู่กับบ้าน หรือเป็นอาชีพเสริม
- ทำแล้วแพ็กใส่กล่อง อาจจะเริ่มต้นทำขายเพื่อนฝูงที่ทำงาน หรือคนรู้จักก่อน แล้ว
ส่งขายตามร้านอาหาร หรือร้านขายขนมหวานการลงทุนเริ่มต้น 400-500 บาท

วัสดุอุปกรณ์ที่สำคัญ
- ช้อนตวงสเตน-เลส ถ้วยตวง

การตลาด
- อันดับแรกของการตัดสินใจทำอาชีพนี้ ควรสำรวจตลาดก่อน ว่าจะขาย
อย่างไร กลุ่มลูกค้าเป็นอย่างไร ชอบวุ้นสีหรือวุ้นกะทิ หรือถ้าเป็นกลุ่มเด็ก ๆ วัยรุ่นก็ควรมี
รูปสัตว์ ผลไม้ ที่สำคัญขายได้ดีมากในช่วงเทศกาล

**ข้อควรคำนึง - ผู้ผลิตควรสนใจเรื่องความสะอาด และบรรจุหีบห่อ เพื่อให้ได้วุ้นที่น่ารับประทาน เป็นที่น่าสนใจของผู้บริโภค
- วุ้นกะทิ ควรใช้กะทิสด และไม่ใช้มะพร้าวทีมีร่องรอยของกะลาดำๆ เพราะสีวุ้นจะไม่สวย
- หากวางขายตามซูเปอร์มาร์เก็ต ควรจะบรรจุหีบห่อให้มิดชิด ป้องกันการปนเปื้อนยืดอายุการเก๊บ
- วุ้นควรอยู่ที่อุณหภูมิ ประมาณ 8-10 องศาเซลเซียส และไม่ควรไว้เกิน 1 สัปดาห์ วุ้นจะไม่เสียแต่รสชาติจะเสียไป

ศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับวุ้น เพิ่มได้ที่ http://thaijelly.blogspot.com/

31 พ.ค. 2554

เรียนร้อยเครื่องประดับตริสตัล

เครื่องประดับตกแต่ง สร้อยคอ สร้อยข้อมือ ต่างหู เป็นของประดับที่นิยม โดยเฉพาะคุณสุภาพสตรี ที่ต้องสรรค์หามาประดับตกแต่งเพื่อเสริมบุคลิกให้ดูดี ธุรกิจเกี่ยวกับเครื่องประดับ

เรียนร้อยเครื่องประดับตริสตัล CRYSTAL DESIGN การเรียนร้อยเครื่องประดับนั้น จะแบ่งออกเป็นคอร์สต่างๆดังนี้

คอร์สพื้นฐานที่ 1 ระดับ
โดย ราคา 499 บาท คอร์สนี้เหมาะสำหรับผู้ที่ไม่มีพื้นฐานมาก่อน เป็นพื้นฐานที่เน้นการเรียงร้อยเครื่องประดับอย่างง่าย ๆ พร้อมด้วยเกร็ดความรู้เกี่ยวกับลูกปัดและคริสตัลสวารอฟฬกี้ประเภทและสีต่าง ๆ
ที่สำคัญคือเทคนิคการดูลักษณะคริสตัลสวารอฟสกี้แท้หรือไม่แพ้โดยจะเน้นการสอนเทคนิคการขึ้นรูปชิ้นงานไล่โทนสี ความสัมพันธ์ของสี การผสมสี เพื่อทำให้เกิดความคิดสร้างสรรค์ในการออกแบบชิ้นงานอย่างง่าย ๆ รวมถึงการฝึกสมาธิ การสังเกต เพื่อเตรียมความพร้อมในคอร์สเรียนขั้นต่อไป และหากสมัครเรียนในคอร์สพื้นฐานที่ 1
ระดับ 1 จะได้รับฟรี! ถาดออกแบบ/ถาดเทียบสี 1 ใบ เพื่อช่วยในการออกแบบ และสามารถปรับเปลี่ยนตามแบบที่ต้องการก่อนที่จะร้อยจริงได้ นอกจากนี้ยังมีส่วนลดให้อีก 20% สามารถใช้เป็นส่วนลดหนังสือเกี่ยวกับการสอนร้อยคริสตัลสวารอฟสกี้ทั้งหมดที่เป็นของบริษัทฯ ได้

คอร์สพื้นฐานที่ 1 ระดับ ราคา 599 บาท
คอร์สเรียนนี้เหมาะสำหรับผู้ที่มีพื้นฐานจากคอร์สพื้นฐาน 1 ระดับ 1 มาก่อนแล้ว ซึ่งคอร์สนี้จะฝึกษักษะขั้นพื้นฐานในการทำเครื่องประดับอย่างมืออาชีพและการใช้เครื่องมือที่ถูกวิธี เมื่อเรียนหลักสูตรนี้จบแล้ว ยังสามารถนำไปประยุกต์ทำเป็นชิ้นงานให้มีความหลากหลายมากยิ่งขึ้นและสามารถนำไปประกอบเป็นอาชีพในเบื้องต้นอย่างง่าย ๆ และเป็นการสร้างทักษะที่จำเป็นในการเรียนคอร์สขั้นต่อไป หากสมัครเรียนคอร์สพื้นฐาน 1 ระดับ 2 จะได้รับกระเป๋า Rainbow Art แถมให้ฟรี 1 ใบ และยังมีส่วนลดให้อีก 20%

สำหรับการซื้อหนังสือเกี่ยวกับการร้อยสร้อยคริสตัล แต่ถ้าสมัครเรียนพร้อมกันทั้งคอร์ส 1 ระดับ 1 และคอร์ส 1 ระดับ 2 ราคาปกติ 1,098 บาท จะลดเหลือเพียง 999 บาท เท่านั้น

คอร์สเรียงร้อยคริสตัลและลูกปัด หลักสูตรขั้นพื้นฐาน ราคา 2,290 บาท
สอนร้อยซิ้นงานสำเร็จทั้งหมด 4 แบบ (สร้อยคอ สายนาฬิกา แหวน และต่างหู) หากสมัครเรียนคอร์สขั้นพื้นฐานนี้ จะได้รับแถมหนังสือ Crystals New Collcction 1 ฟรี

นอกจากนี้ยังมีส่วนลดต่างๆ อีกมากมาย คอร์สเรียงร้อยกรอบพระราคา 1,790 บาท หากลงเรียนร้อยกรอบพระแถมฟรี! ถาดออกแบบ/ถาดเทียบสี 1 ใบ เพื่อช่วยในการออกแบบและสามารถปรับเปลี่ยนตามแบบที่ต้องการได้ก่อนที่จะร้อยจริง และยังมีส่วนลดอื่น ๆ อีกมากมาย และหากลงเรียนควบทั้งคอร์สพื้นฐานและกรอบพระ จากราคาปกติ 4,080 บาท ลดเหลือเพียง 3,600 บาท

คอร์สถักและสานคริสตันพื้นฐาน 2 ระดับ 1 ราคา 1,800 บาทสอนร้อยสร้อยคอและสร้อยข้อมือ ใช้เวลาเรียน 8 ชั่วโมง คอร์สยกดอกคริสตัล พื้นฐาน 2 ระดับ 2 ราคา 1 ,900 บาท สอนร้อยสร้อยข้อมือยกดอก 1 ชิ้น คอร์สนี้เรียนเพื่อทำชิ้นงานที่คล้ายคลึงจิวเวอรี่ สามารถสร้างชิ้นงานที่ไม่ซ้ำแบบใคร ทำเป็นงานไอเดียของตัวเองได้ หากลงเรียนควบทั้งคอร์สพื้นฐาน 2 ระดับ 1 และระดับ 2 แล้ว จะได้รับส่วนลด จากปกติ 3,880 บาท เหลือเพียง 3,790 บาท

นอกจากนี้ ยังมีคอร์สที่เป็นหลักสูตรเร่งรัดในการทำสร้อยข้อมือถึง 3 แบบ ด้วยราคาเพียง 2,999 บาทเท่านั้น และยังมีคอร์สสร้อยข้อมือที่เป็นเทรนด์เกาหลี ราคา 2,399 บาท

คอร์สนี้เหมาะสำหรับวัยรุ่นที่สนใจในงานดีไซน์ที่เป็นแบบวัยรุ่นเกาหลีมีทั้งหมด 3 แบบ และยังมีคอร์สที่สอนร้อยตุ๊กตามากกว่า 25 แบบ เมื่อเรียนจบก็จะได้ชิ้นงานที่ทำกลับไป
นอกจากนี้สถาบันคริสตัลดีไซน์ยังมีข่าวดีสำหรับผู้ที่กำลังมองอาชีพเสริมหรืออาชีพหลักที่สร้างรายได้งามให้กับตนเองอีกด้วยเพียง สมัครแพ็คเก็จคอร์สเรียน 9,999 บาท

นอกจากจะได้เรียนรู้เทคนิคต่างๆ ของการร้อยคริสตัลจากคอร์ส 1 ระดับ 1 คอร์ส 1 ระดับ 2 และคอร์ส 2 ระดับ 1 แล้ว ทางสถาบันยังได้จัดเตรียมเม็ดคริสตัลสวารอฟสกี้สีต่าง ๆ และอุปกรณพื้นฐานเพื่อให้สามารถร้อยชิ้นงานได้หลากหลายโดยสามารถเปิดร้านเล็ก ๆ ของตัวเองได้ นอกจากแพ็คเก็จ 9,999 บาทแล้ว ยังมีแพ็คเก็จ 14,999 บาท และแพ็คเก็จ 1 9,999 บาท
ซึ่งแพ็คเก็จยิ่งราคาสูงขึ้น ก็จะได้เรียนคอร์ส เรียนมากคอร์สขึ้น และได้คริสตันสวารอฟสกี้และอุปกรณ์ต่าง ๆ เพิ่มมากขึ้นด้วยและนับเป็นข่าวดีสำหรับผู้ที่เข้าอบรมกับทางสถาบันคริสตันดีไซน์เนื่องจากทางสถาบันฯ
ได้จัดโครงการร่วมกับ บริษัท เรนโบว์ อาร์ท จำกัด คัดเลือกงานร้อยคริสตัลของผู้ที่ผ่านการอบรมเพื่อนำไปจำหน่ายเพื่อเป็นการรองรับอาชีพเสริมหรือเพิ่มช่องทางในการทำมาหากินให้กับผู้เข้าอบรม หลังจากที่เรียนจบหลักสูตรเบื้องต้นที่กำหนดไว้อีกด้วย

สำหร้บผู้ที่สนใจเครื่องประดับแฮนด์เมดคริสตันสวาอฟสกี้ อะไหล่ และอุปกรณ์ในการร้อยเครื่องประดับสามารถสั่งซื้อได้ที่ บริษัท เรนโบว์ อาร์ท จำกัด ทั้ง 5 สาขา สำนักงานใหญ่ (เยาวราช)
โทร. 0-2226-2888 สาขา อินเดีย เอ็มโพเรียม (พาหุรัด ห้าง ATM เก่า) เปิดกลางเดือนก.พ. 51 สาขาเซ็นทรัลลาดพร้าว โทร.0-2937-1342, สาขาเซ็นทัลพระราม 2 โทร. 0-2872-4174 ,
สาขาสยามสแควร์ ซอย 2 โทร. 0-2654-6350-2

23 พ.ค. 2554

ขายหมูสะเต๊ะ

อาชีพขายอาหาร ยังเป็นอาชีพทีไปได้ดี ก่ว่าเศรษฐกิจจะพลิกผันอย่างไร เพราะถึงอย่างไร มนุษย์ก็ต้องกินอยู่
วันยังค่ำ สูตรอาหารที่จะให้ในวันนี้ สามารถทำออกจำหน่ายได้ด้วย และขอบอกล่วงหน้าก่อนว่า ถ้าทำได้อร่อย จะขาย
ได้ง่ายอีกต่างหาก เพราะคนค่อนข้างนิยมในรสชาติ อาหาีีรว่างนั่นคือ หมูสะเต๊ะ

ขายหมูสะเต๊ะ

ขอบคุณภาพจากrecipes95.blogspot.com


ข้อดีของหมูสะเต๊ะ คือ ลงทุนน้อย ขายได้แน่นอน ตามร้านขายอาหารทั่วไป บางครั้ง มีหมูสะเต๊ะเป็นตัวเสริม ลูกค้าจะสั่งมาเป็นออร์เดิร์ฟ เรียกน้ำย่อย ก่อนที่จะกินอย่างจริงจังในอีกไม่กี่นาทีข้างหน้า หรือตามตลาดที่เห็นอย่างกันโขมงโฉงเฉง นั่นก็เป็นการขายหมูสะเต๊ะเพียงอย่างเดียว ลูกค้าไม่ใช่จะสั่งกันแค่ 2-3 ไม้ แต่หมูสะเต๊ะนี่ เค้าสั่งกินกันที่เป็น 20-30 ไม้ เพราะ คนขายนิยมเสียบหมูไม้เล็ก ๆ พอคำ การลงทุนทำหมูสะเต๊ะ ไม่น่าจะเกิน1,000 บาท

สำหรับเตาปิ้งหมูแบบยาว ๆ นั้น เคยถามคนที่ทำอาชีพนี้ บอกว่า เตาละ 2๐๐ กว่าบาทเท่านั้น (แบบธรรมดาส่วนกำไร น่าจะได้มากกว่า 50% ขึ้นไป)
ทำเลที่เหมาะสมสำหรับการขายหมูสะเต๊ะ คงเป็น ทำเลทั่วไปคือ มีผู้คนพลุกพล่าน ในตลาด ใกล้โรงเรียนหรืออาจจะเช่าหน้าร้านขายอาหารเลยก็ได้

ขั้นตอนการทำหมูสะเต๊ะอย่างละเอียด
หมูสะเต๊ะ จะทำให้อร่อย ต้องเริ่มต้นตั้งแต่การ เลือกหมู หมู สำหรับการทำหมูสะเต๊ะคือ หมูสันใน (กิโลละประมาณ 120-150 บาท) และเป็นหมูสันในที่สด สะอาด
ไม่มีกลิ่น ได้หมดแล้วนำมาล้างให้สะอาด ผึ่งหมูให้แห้ง นำมาหั่น ขอเน้นว่าหั่นตามขวาง (เนื้อหมูจะมีลักษณะเป็นเส้นยาว ให้หั่นตามขวาง เพื่อประโยชน์ในการหมักหมู
ต่อไป )

เครื่องหมัก
เครื่องที่จะนำมาหมักหมู ประกอบด้วย กะทิผงกะหรี่ นมสด สีผสมอาหารสีเหลือง (เลือกสีที่มีสัญลักษณ์ อย. ) น้ำตาล นำมาผสมเข้าด้วยกัน แล้วราดลงบนหมูที่หั่นตามขวาง ไม่ต้องใช้มือคลุก แค่ขยับถาด
ไปมา น้ำหมักจะค่อย ๆ ลงไปเอง เอาเข้าตู้เย็น แช่ไว้ประมาณ 2-3 ชั่วโมง (ไม่ต้องแช่ในช่องแข็ง เพราะต้องการให้น้ำหมักซึ่งเข้าเนื้อหมูเท่านั้น)นำออกจากตู้เย็นมาเสียบไม้ เรียงในถาด แล้วนำ
เข้าช่องแช่แข็ง แช่ไว้ อีก 24 ชั่วโมง

น้ำจิ้มหมูสะเต๊ะ
มีส่วนผสมดังนี้
กะทิ 5 กิโลกรัม
ถั่วลิสง 1/2 กิโลกรัม
น้ำพริกหมูสะเต๊ะ 1/2 กิโลกรัม
น้ำตาลปี๊บ 1.5 กิโลกรัม
น้ำปลา 120 ซีซี
น้ำส้มสายชู 120 ซิซิ

กะทิ ซื้อในตลาดแบบที่ให้แม่ค้าคั้นเลยแยก หัวกะทิ หางกะทิมาด้วย ถั่วลิสง ซื้อมาคั่วเอง (ซื้อที่คั่วไว้แล้ว อาจเหม็นหืน หรือมีเชื้อรา)
คั่วพอหอม เอาเปลือกออกนำไปตำหรือปั่นกับเครื่องให้ละเอียด เน้นว่าต้องละเอียด เป็นเม็ด ๆ แบบทรายหยาบก็ไม่ได้
น้ำพริกหมูสะเต๊ะ 1/2 กิโลกรัม ได้จาก น้ำพริกมัสมั่น 200 กรัม และน้ำพริกแกงเผ็ด 300 กรัม
นำมาผสมกัน หรืออาจจะมีน้ำินี้ผสมขายกันอยู่แล้ว
เมื่อทราบส่วนผสมและรายละเอียดของส่วนผสมแล้ว ขั้นแรก เคี่ยวกะทิ จนแตกมัน ใส่ถั่วลิสงที่ป่นแล้ว ใช้ไฟกลาง คนไปเรื่อย ๆ ให้น้ำพริก ใส่น้ำตาลปี๊บ น้ำปลา และน้ำส้มสายชู พอเดีอด แตกมันเริ่มมีสีแดง ก็
ใช้ได้

อาจาด
มีส่วนผสมของน้ำจิ้มกับผัก
-น้ำจิ้ม ประกอบด้วย น้ำตาลทราย 2 กิโลกรม น้ำส้มสายชู 1 ขวด และเกลือปน 1๐๐ กรัม (1 ขีด) ใส่หม้อรวมกัน ตั้งไฟให้ละลายแล้วยกลงเลย ไม่ต้องเคี่ยวเพราะถ้าเคียวน้ำตาลไหม้ น้ำจิ้มจะไม่เงา และมีกลิ่น
น้ำตาลไหม้
-ผักที่ใช้มีแตงกวา หั่นใหญ่กว่าแตงกวาในน้ำจิ้มทอดมัน พริกชี้ฟ้าเหลือง (อย่าใช้สีเขียว เพราะสีจะปนไปกับแตงกวา) หั่นตามขวาง ร่อนเอาเม็ดออก ใช้เฉพาะตัวพริก หอมแขก
เลือกหัวที่ไม่ใหญ่นัก (เหมือนหอมแดง มีขนาดใหญ่กว่า สีเหลือง ๆ ออกส้ม อย่าใส่หอมแดง) หั่นตามขวาง

***ข้อควรระวัง คือ เมื่อนำหมูออกมาจากช่องแช่แข็งปล่อยให้ละลายเอง อย่าดึงออก เพราะจะได้แต่ไม้ ไม่มีหมูติดมา ส่วนที่นำไปปิ้ง พรมด้วยหางกะทิผสมเกลือ ส่วนผสมขนาดนี้
จะทำหมูสะเต๊ะได้ราว 1,๐๐๐ไม้ ราคาขายอาจจะอยู่ที่ 2.5-3.0 บาท


อาชีพขายหมูสะเต๊ะ
การลงทุน - ประมาณ 1,๐๐๐ บาท
กำไร - มากกว่า 50 เปอร์เซ็นต์
วัสดุอุปกรณ์
- ถาด ไม้เสียบหมู เตาปิ้งหมู (แบบยาว) และอุปกรณ์อึ่น ๆที่ใช้ในครัวเรือน เช่น กระทะ ทัพพี กะละมัง เขียง มีด
สวนผสม
- หมูสันใน กะทิ ผงกะหรี่นมสด สีผสมอาหาร น้ำตาลททยถั่วลิสง น้ำตาลปี๊บ น้ำปลา น้ำส้มสายชู น้ำพริกหมูสะเต๊ะ แตงกวา เกลือพริกชี้ฟ้าเหลือง หอมแขก
ทำเล - ในตลาด แหล่งชุมชน สถานศึกษา เปิดท้านตลาดนัด หรือหน้าร้านอาหาร

*** ทดลองทำปรับสูตรไปเรื่อยๆจนพอใจ ต้องอาศัยความชำนาญนิดนึง ราคาส่วนผสมต่างๆอาจจะขึ้นลง เปลี่ยนแปลงไปตามกาลเวลา

21 พ.ค. 2554

เปิดร้านขายกาแฟสด

การเปิดร้านกาแฟสด เป็นหนึ่งในธุรกิจยอดนิยมที่ ทุกวันนี้เราจะสังเกตุเห้นว่า ไปที่แห่งไหนก็จะมีแต่ร้านกาแฟเต้มไปหมด การเปิดร้านกาแฟสดนั้นต้องอาศัยความรุ้หลายๆอย่างเข้าช่วย
แล้วหากคนที่ไม่ทีความรู้เรื่องกาแฟล่ะ จะสามารถเปิดร้านกาแฟสดได้หรือเปล่า? คำตอบคือ ได้ เพราะทุกวันนี้ มีแฟรนไชส์ร้านกาแฟสดเปิดตัวให้บริการ เป็นทางเลือกของผู้ประกอบที่จะตัดสิยใจ
การจะเปิดร้านกาแฟสด เพื่อให้สามารถเลี้ยงตัวเองได้นั้นต้องอาศัยระยะเวลาพอสมควร เพราะต้องใช้ทุนมากพอสมควร การเลือกแฟรนไชส์ที่ดีจึงมีส่วนมาก

ร้านกาแฟสด

ภาพจากgotoknow.org

วันนี้จึงนำข้อมุลของแฟรนไชส์กาแฟสดมาให้ศึกษาอีกหนึ่งตัว นั่นคือ "คาเฟ่ อินดี้ (Cafe indy) "

รายละเอียดคาเฟ่ อินดี้ (Cafe indy)
จำหน่ายกาแฟสด ทันสมัย สไตล์ใหม่ ใช้พื้นที่ในการขายน้อย ให้คุณสามารถบริการเครื่องดื่มกาแฟEspresso ร้อน เย็น หลากหลายชนิด และชาสุขภาพ แฟรนไชส์กาแฟสด Cafe indy
มีความต้องการสร้างธุรกิจ เพื่อคนไทยที่มีความสนใจธุรกิจกาแฟสด โดยเน้นการลงทุนความเสี่ยงต่ำ ได้ผลการตอบแทนที่คุ้มค่าการลงทุน

ลักษณะสินค้า และบริการ
จำหน่ายกาแฟสด ทันสมัย สไตล์ใหม่ ใช้พื้นที่ในการขายน้อย ให้คุณสามารถบริการเครื่องดื่มกาแฟEspresso ร้อน เย็น หลากหลายชนิด และชาสุขภาพ

การลงทุน

1. ค่าให้สิทธิ์กาแฟสด Cafe indy เพื่อดำเนินธุรกิจโดยชำระค่าใช้สิทธิ์ เป็นเงิน 15,000 บาท มีระยะเวลา 1 ปีเต็ม 3. ทาง Cafe indy ขอสงวนสิทธิ์การ
เปลี่ยนแปลงราคาอุปกรณ์และวัตถุดิบทุกอย่างโดยมิต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้
2. ชุดอุปกรณ์เปิดร้านใหม่ประกอบด้วยเครื่องมือวัตถุดิบต่าง ๆ บู๊ทกาแฟคาเฟ่อินดี้ 1 บู๊ท เคลื่อนย้ายเปลี่ยนทำเลได้ง่าย

รูปแบบการลงทุน แฟรนไชส์กาแฟสด Cafe indy(139,000 บาท)
โดยรายละเอียดการลงทุนมีดังนี้
1.15 กาแฟสด 2 กก.
1. ชุดอุปกรณ์เปิดร้านใหญ่ประกอบด้วย เครื่องมือวัตถุดิบต่างๆ ดังนี้
1.1 บู๊ทกาแฟคาเฟ่อินดี้ 1 บู๊ท (เคลื่อนย้ายเปลี่ยนทำเลได้ง่าย)
1.2 เครื่องทำเอสเพรสโซ่ 1 เครื่อง
1.3 เครื่องบดกาแฟ 1 เครื่อง
1.4 เครื่องปั่นน้ำ 1 เครื่อง
1.5 ขวดวิปครีม + ก๊าซ 50 หลอด 1 ขวด
1.6 ที่ตีฟองนม 1 อัน
1.7 ชุดอุปกรณ์เสริม 1 ชุด 10 รายการ
1.8 ชุดพนักงาน 1 ชุด
1.9 แก้ว 22 ออนซ์ 100 ใบ
1.10 ฝาแบน 50 ใบ
1.11 ฝาโดม 50 ใบ
1.12 กระดาษทิชชู่ 2 ห่อ
1.13 หลอด 2 ห่อ
1.14 โกโก้ 500 กรัม
1.16 กาแฟนำเข้า 4 ตัว ตัวละ 100 กรัม
1.18 ชาเขียวสุขภาพ 6 ตัว
2. ค่าให้สิทธิ์กาแฟสด Cafe indy เพื่อดำเนินธุรกิจโดยชำระค่าใช้สิทธิ์ เป็นเงิน 15,000 บาท มีระยะเวลา 1 ปีเต็ม
3. ทาง Cafe indy ขอสงวนสิทธิ์การ เปลี่ยนแปลงราคาอุปกรณ์และวัตถุดิบทุกอย่าง โดยมิต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า

คาเฟ่ อินดี้ (Cafe indy)
ที่อยู่ 139/13, 139/16-18 ซ.โชคชัย 4
ถ.ลาดพร้าว เขตวังทองหลาง กรุงเทพฯ 10310
โทรศัพท์ 0-97731745, 0-1400-7374

20 พ.ค. 2554

แค่มีไอเดียก็ทำเงินได้

แค่มีไอเดียก็ทำเงินได้ , ไอเดียทำเงิน,หาไอเดียทำธุรกิจ

การคิดนอกกรอบทำให้เกิดการสร้างสรรค์นวัฒตกรรมใหม่ๆเกิดขึ้นมากมายบนโลกใบนี้ สิ่งที่เราเห็นๆกันอยุ่ทุกวัน หากเรารู้จัก ต่อยอดแต่งเติม เพิ่มไอเดียเข้าไปก็สามารถสร้างรายได้ให้เราได้ ของบางอย่างที่คนอื่นอาจจะมองว่าเป้นของเหลือใช้ เป้นขยะปล่อยทิ้งไว้รกโลกเฉย แต่กับบางคนอาจจะเป็นแหล่งทำเงินให้เขาได้สบายๆ ความแตกต่างมันนอยู่ที่ไอเดีย สมัยนี้การแข่งขันกันมีสูงมากๆ คนที่ได้เปรียบคือคนที่มีความคิด สร้างสรรค์เท่านั้น มองทุกอย่างและหาช่องทางที่จะนำไปต่อยอดเป็นธุรกิจให้ได้ ขอยกตัวอย่าง 4 ไอเดีย ดังนี้

1. "เครื่องให้อาหารสุนัขทางโทรศัพท์"
คิดค้นกลุ่มนักศึกษาวิทยาลัยเทคนิคชัยนาท ช่วยให้เราสามารถให้อาหารสุนัขได้แม้จะทำธุระอยู่นอกบ้าน เพราะด้วยนิสัยการกินของสุนัขที่กินทีเดียวหมดจาน หากเจ้าของไม่อยู่บ้านแล้วเตรียมอาหารทิ้งไว้ เจ้าตัวน้อยก็จะกินหมดไม่เหลือไว้กินมื้ออื่นๆจึงเกิดไอเดียนี้ขึ้นมา
เพียงแค่ใส่อาหารเม็ดในถังแล้วเปิดสวิตช์ทิ้งไว้ เมื่อถึงเวลาที่จะให้อาหารก็โทรศัพท์เข้ามา สัญญาณการโทร.เข้าก็จะสั่งให้มอเตอร์ดันลูกสูบให้เทอาหารลงมาในถาด

แนวความคิดนี้ ได้จากการสังเกตการทำงานของรถแทร็กเตอร์ดันดิน ไทเมอร์รีเลย์ของเครื่องยนต์ดีเซลและกลไกการปัดน้ำฝนของรถยนต์ ขณะเปิดเครื่องเตรียมพร้อมให้เครื่องทำงาน จะไม่มีการใช้พลังงานไฟฟ้าแต่อย่างใด ไม่เสียค่าโทรศัพท์ ทั้งสะดวกประหยัดทั้งเงินทั้งเวลา

2.เครื่องรดน้ำแปลงผัก แปลงดอกไม้ ด้วยโทรศัพท์มือถือ"
เป็นผลงานของคณะวิศวกรรมศาสตร์ เพียงแค่กดหมายเลขโทรศัพท์ ตามรหัสที่ตั้งไว้ น้ำก็จะพุ่งออกจากสปริงเกอร์กระจายสู่แปลงผักทันที ครั้นจะเปลี่ยนไปรดแปลงใหม่ก็กดรหัสหมายเลขเพิ่มเติมจากที่ลงท้ายรหัสแปลงที่ 1ด้วยเลข 1 พอไปรดแปลงที่ 2 รหัสก็ต้องลงท้ายด้วยเลข 2 ไปเรื่อยๆ จนครบทั้งสวน ทุกแปลงจะมีรหัสของตัวเอง

3. อุปกรณ์ป้องกันสายยางตก
ผู้คิดค้นคือวิทยาลัยการอาชีพพรรณานิคม อาชีวศึกษา สกลนคร ที่คิดแก้ปัญหาเรื่องใกล้ตัวในชีวิตประจำวันที่เราต้องเจอกันทุกคน คือเวลารองน้ำจากสายยางใส่ถังหรือกะละมัง ไม่ว่าจะใช้ซักผ้า ล้างจาน ล้างรถ และอีกหลายๆ อย่าง เราต้องคอยจับสายยางไว้ตลอดเวลาจนกว่าจะได้ปริมาณน้ำตามต้องการ หากไม่ทำอย่างนี้สายก็จะตกทำให้ต้องเสียเวลา ซึ่งสิ่งประดิษฐ์ชิ้นนี้ จะช่วยแก้ปัญหานี้ได้ ตอนนี้ผลิตออกขายราคาแค่ 39 บาทเท่านั้น แต่ช่วยประหยัดเวลา ลดขั้นตอนการทำงาน และช่วยอำนวยความสะดวกให้พ่อบ้านแม่บ้านคุ้มค่าคุ้มเวลาอย่างยิ่ง

4. รองเท้าประคบสมุนไพรเพื่อสุขภาพ Sabaitoa (สบายเท้า)
จากแผนกวิชาอุตสาหกรรมท่องเที่ยว วิทยาลัยอาชีวศึกษา จังหวัดสุรินทร์ เพื่อรองรับวิถีชีวิตคนไทยในปัจจุบันที่ไม่มีเวลาดูแลตัวเอง
รองเท้าประคบสมุนไพรนี้จะช่วยนวดฝ่าเท้าด้วยลูกประคบสมุนไพรหลากชนิดที่ใช้ในการนวดแผนไทย ช่วยให้กล้ามเนื้อผ่อนคลายเหมือนกำลังนวดเท้า บรรเทาอาการปวดบวมและอักเสบของกล้ามเนื้อ รวมทั้งกระตุ้นการไหลเวียนของเลือด เพียงแค่อุ่นรองเท้าในเตาไมโครเวฟก่อนสวมใส่ เหมาะสำหรับคนทำงานที่ไม่ดูแลสุขภาพ ผลิตภัณฑ์ชิ้นนี้มีวางจำหน่ายแล้ว

ถ้าเราเป็นคนช่างสังเกต ช่างคิด ช่างทำ ทำให้สามารถต่อยอด คิดหาหนทางเพื่อสนองความสะดวกสบาย เพราะคนเราส่วนใหญ่นั้นชอบสบาย ก็กลายเป็นเงินเป็นทองได้ เริ่มลองหัดคิด จากสิ่งใกล้ตัว ที่ทุกคนมองข้าม อย่างน้อยๆก็ได้บริหานสมอง

10 พ.ค. 2554

ข้าวเหนียวมูน

ข้าวเหนียว มูน
ช่วงที่มีมะม่วงออกมาเยอะ ทั้งสุก ทั้งดิบ ทั้งมันทั้งเปรี้ยว สามารถเลือกกินตามความพอใจ
มะม่วงมีอยู่มากมายปลูกได้ในประเทศของเราเอง มะม่วงเป็นผลไม้ที่ อร่อย มีประโยชน์มาก ไมแพ้
หน้ามะม่วงสุก ทั้งอกร่อง น้ำดอกไม้ถ้าจะให้อร่อยก็ต้องกินกับข้าวเหนียวมูน นอกจากจะทำไว้กินเองแล้ว ข้าวเหนียวมูน ยังทำขายได้อีกด้วย ในตลาดขายกัน กิโลกรัมละ 80-100 บาทเลยทีเดียว

ขั้นตอนการทำข้าวเหนียวมูน
นำข้าวเหนียวมาล้างให้สะอาด ขัดกับสารส้มก้อนโต จะทำให้ข้าวเหนียวที่หุงออกมาขาว สวยแช่น้ำทิ้งไว้สัก 1 คืน จึงนำไปนึ่ง หลังจากสุกแล้วนำมามูนกับน้ำกะทิ ที่ผสมน้ำตาลทรายและเกลือ ชิมรส
ให้หวานมัน ถ้ายังหวานไม่พอ ก็เพิ่มน้ำตาลทรายเข้าไปอีก เท่านี้กเสร็จแล้วข้าวเหนียวมูนที่ได้นี้ไม่ใช่ว่าจะกินกับมะม่วงสุกได้
อร่อยเพียงอย่างเดียว กับน้ำกะทิทุเรียน กินกับทุเรียนไม่มีน้ำกะทิ กับสังขยา ปลาป่นปลาแห้ง ก็อร่อยเหาะไปเลย

1.ข้าวเหนียวใหม่
2.หัวกะทิคั้นสด ๆ
3.น้ำตาลทราย
4.เกลือป่นวิธีทำ

1.นำข้าวเหนียวไปแช่ในน้ำกับสารส้มประมาณ 6-7 ชั่วโมง ล้างออกให้สะอาดจนแน่ใจว่าไม่เหลือสารส้มตกค้าง เพราะถ้าตกค้างจะทำให้ข้าวเหนียวเปรี้ยว
2.นำไปนึ่ง เมื่อข้าวเหนียวสุก นำไปผสมกับหัวกะทิคั้นสดที่ปรุงน้ำตาลและเกลือจนมีรสชาติดีแล้ว จากนั้นปิดฝาหม้อให้สนิท นึ่งอีกประมาณ 20 นาที ข้าวเหนียวจะนแห้งและกินได้ทันที

**หมายเหตุ ถ้าจะให้ข้าวเหนียวมีกลิ่นหอมแบบธรรมชาติ นำดอกมะลิที่ปลอดสารพิษมาอบกับน้ำกะทิก่อนจะผสมข้าวเหนียว

เงินลงทุน ประมาณ 5๐๐ บาท/กะละมัง
สิ่งที่ต้องคำนึง รสชาติและความสะอาดของข้าวเหนียว รวมทั้งความสดของน้ำกะทิ
ทำเล เขตชุมชน ใกล้ตลาดสด แหล่งคน พลุกพล่าน สถานที่ราชการ สถานศึกษา

7 เม.ย. 2554

ขายก๋วยเตี๋ยวหมู

ขายก๋วยเตี๋ยวหมู ลูกชิ้น ,ข้าวขาหมู ธุรกิจร้านขายข้าวขาหมูและร้านก๋วยเตี๋ยวนั้น จะพบเห็นได้ทั่วๆไป เพราะเป็นอาหารบอดนิยม ที่มีคนกินในทุกๆวัน ถึงจะมีร้านเปิดอยู่มากมาย แต่ ลูกค้าไม่เคยขาด นั่นแสดงว่า อาชีพขายก๋วยเตี๋ยวและข้าวขาหมูนี้ ขายดีหากตั้งใจทำดีๆ และมีสูตรเด็ดๆสามารถทำเป็นอาชีพหลักได้เลยทีเดียว สูตรก๋วยเตี๋ยวเด็ดมีมากมายหลายสูตร สามารถเข้าไปเลือกได้ที่นี่ ก๋วยเตี๋ยว http://noodle-thai.blogspot.com/ มีสูตรการทำน้ำซุปก๋วยเตี๋ยวไว้รอท่านมากมาย น้ำซุปซึ่งถือเป็นหัวใจหลักในการปรุงก๋วยเตี๋ยว ส่วนการทำข้าวขาหมูวันนี้ก็มีสูตรการทำข้าวขาหมูมาให้ทดลองทำเช่นกัน วิธีทำข้าวขาหมู ส่วนผสมเครื่องปรุง ข้าวขาหมู ส่วนประกอบ ขาหมู 1 ขา ผักกาดดอง 300 กรัม ผงพะโล้ 1 ช้อนโต๊ะ กระเทียม พริกไทย รากผักชี น้ำปลา ผักชี พริกเหลือง น้ำส้มสายชู น้ำมันพืช น้ำตาลทราย ซีอิ๊วขาว ซีอิ๊วดำหวาน ข้าวสวย วิธีทำ 1.นำขาหมูไปเผาไฟ ขูดขนออกล้างให้สะอาด ใช้มีดเลาะกระดูกออกนำไปคลุกเคล้ากับซีอิ๊วขาวและซีอิ๊วดำหวานให้ทั่ว 2.นำหม้อใส่น้ำ ตั้งบนเตา นำขาหมูลงไปต้มให้เดือด โขลกรากผาักชี กระเทียม พริกไทยให้ละเอียด 3.ตั้งกระทะ ใส่น้ำมันพืช พอน้ำมันร้อนให้เครื่องที่โขลกแล้วลงไป ใส่ผงพะโล้ลงผัดให้เหลืองหอม เสร็จแล้วตักขึ้นใส่หม้อน้ำต้มขาหมู 4.ปรุงรสด้วยน้ำปลา ใส่น้ำตาล เคี่ยวขาหมูไปเรื่อยๆ ให้ขาหมูเปื่อย ชิมรสดู ให้ออกหวานนำ เค็มตาม 5.ล้างผักกาดดองให้สะอาด หั่นบางๆ ต้มกับกระดูกหมูให้เปื่อยแล้วตักแต่ผักกาดดองใส่จานไว้ 6.โขลกพริกเหลืองกับกระเทียมให้ละเอียด นำมาผสมกับน้ำส้มสายชู และน้ำต้มสุกเล็กน้อย ทำเป็นพริกน้ำส้ม 7.ล้างผักชีเด็ดเป็นช่อเตียมไว้ 8.เวลาจะเสิร์ฟ หั่นขาหมูบางๆ ตามขวาง ตักข้าวหุงสุกแล้วใส่จานเรียงขาหมูบนข้าวราดด้วยน้ำต้มขาหมู โรยผักชีจัดผักกาดดองวางข้างจาน รับประทานกับพริกน้ำส้ม ** อาจจะเสริมด้วยไข่ต้ม และยอดผักคะน้าลวกในหม้อขาหมูจะยิ่งทำให้อร่อยมากยิ่งขึ้น หากไม่มีฝีมือเรื่องอาหารอาจจะวื้อแฟรนไชส์มาทำเลยก้ได้ รายละเอียด จำหน่ายก๋วยเตี๋ยวลูกชิ้นน้ำใส และข้าวขาหมู แฟรนไชส์ ก๋วยเตี๋ยวลูกชิ้นน้ำใส และข้าวขาหมู รูปแบบแฟรนไชส์ 3 แบบ 1 ชุดใหญ่ (ชุดมหาเฮง) ขายได้ทั้งสองอย่าง คือ ทั้งลูกชิ้นน้ำใส และข้าวขาหมู 2 ซุ้มคีออส 3 ชุดเอื้ออาทร ให้ใช้สิทธิ์แฟรนไชส์ฟรี เมื่อเลิกขายลูกค้ามาเอาเงินคืนได้ - หาสถานที่ขายให้ - หาพนักงานขายให้ - ส่งวัตถุดิบทั่วประเทศหรือจะซื้อสิทธิแต่ป้าย หรือสั่งเฉพาะวัตถุดิบอย่างเดียวก็ได้ ค่าใช้จ่าย หัวข้อ ค่าใช้จ่าย - ซุ้มคีออส 16,900 - ชุดใหญ่ (ชุดมหาเฮง) 29,500 - ชุดเอื้ออาทร (ข้าวขาหมู) 6,500 - ชุดเอื้ออาทร (ลูกชิ้นน้ำใส) 6,900 สนใจขายขายก๋วยเตี๋ยวหมู ลูกชิ้น ติดต่อบริษัท ขาหมู ซีพี. กรุ๊ป จำกัด (Khamu cp. Group Co., Ltd.) ที่อยู่ 52/100 หมู่ 2 ซ.รามอินทรา 8 แขวงอนุสาวรีย์ เขตบางเขต กทม. โทรศัพท์ 0-2971-9250, 0-9023-0556

31 มี.ค. 2554

ขายเฉาก๊วย

เฉาก๊วยทำมาจากหญ้าเฉาก๊วยแห้ง มีสรรพคุณแก้ร้อนใน ดับกระหาย กินหน้าร้อนช่วยผ่อนคลายเป็นสมุนไพรพื้นบ้านของจีน ที่ใช้กันมานาน

หน้าร้อนนี้ เมืองไทยร้อนอบอ้าว น่าจะทำเฉาก๊วยขาย รับรองขายดิบขายดีแน่ๆครับ การทำเฉาก๊วยสูตรโบราณ ใช้เนึ้อ เฉาก๊วยราดน้ำตาลทรายแดงผสมน้ำตาลอ้อยเล็กน้อย
(ไม่ใช่น้ำเชื่อม) และน้ำแข็งไม่ต้องมาก รับรองอร่อยไม่เหมือนใคร ตักขายกันเป้นถ้วยๆ 10-15 บาท สร้างรายได้เป็นกอบเป็นกำช่วงหน้าร้อนนี้

วิธีทำเฉาก๊วย
ส่วนผสมเฉาก๊วย
1.หญ้าเฉาก๊วย 0.5 กิโลกรัม ขั้นตอนแรก ให้เอาหญ้าเฉาก๊วยมาเลือก สิ่งแปลกปลอมออกก่อน แล้วตำให้แหลกแล้วผสมน้ำเล็กน้อยพอท่วม นำไปใส่หม้อตั้งไฟพอเดือด
จากนั้นผสมโซดาแอชหรือแป้งแป๊ะกี่ ครึ่งช้อนโต๊ะ นำไปต้มนาน 3-4 ชั่วโมง หมั่นคอยช้อนฟองออกเป็นระยะๆ
2.ปิดไฟ รอให้หายร้อน แล้วนำมากรองผ่านผ้าขาวบาง เติมนำเข้าไปนิดหน่อย คั้นน้ำออกแยกกากออกให้หมดเอาหน้าออกด้วยผ้าขาวบาง แล้วช้อนเอาฟองออกให้หมด
3.นำไปตั้งไฟ พอร้อนเติมแป้งเท้ายายม่อม 1 ถ้วยตวง กวนเร็วๆให้เข้ากัน หากคนช้าแป้งจะจับตัวเป็นก้อน ตั้งไฟประมาณ 20-30 นาที รอให้เดือดครั้งที่ 2 ช้อนฟองออกปิดไฟ
4.ใส่ภาชนะ ทิ้งไว้ให้เย็นจะแข็งตัว รอนำมาตัดแบ่งขาย ต่อไป เฉาก๊วย สามารถแช่เย็นเก็บไว้ได้นาน

** เคล็ดลับเฉาก๊วยจะนิ่มและหอมอร่อย เวลาใส่น้ำตอนแรก ให้ใส่น้ำน้อยๆจะทำให้ หอมเฉาก๊วยและไม่แข็งกระด้าง

หญ้าเฉาก๊วย หาซื้อได้ตามย่านตลาดมหานาค ย่านถนนเยาวราช หรือร้านขายยาจีน แป้งเท้ายายม่อม มีขายตามท้น
ขายชองชำทั่วไป โซดาแอชหรือแป้งแป๊ะกี่ มีขายตามร้านวัสดุอุปกรณ์เคมี หรือร้านขายสินค้าและวัตถุดิบในการทำเบเกอรี่ สำหรับส่วน
ประกอบอื่น ๆ เช่น น้ำตาลหรือใบเตย มีขายในตลาด ทั่วไป

**หมายเหตุ

- สำหรับมือใหม่ ควรลองทำก่อน ชิมรสชาติให้เข้าที่ ซึ่งอาจจะให้พรรคพวกเพื่อนฝูง ญาติพืน้องช่วยกันชิมช่วยกันติ แล้วนำมาปรับปรุง ก่อนทำจำหน่ายอย่างจริงจัง และอีกวิธีหนึ่งที่จะพัฒนาเฉาก๊วยให้ดียิ่งขึ้นคือเปรียบเทียบรสชาติเฉาก๊วยจากแหล่งต่าง ๆ
และพยายามพัฒนาอย่างต่อเนื่อง

**จุดเด่นของเฉาก๊วยสูตรโบราณ ใช้เนึ้อเฉาก๊วยราดน้ำตาลทรายแด้ใผสมน้ำตาลอ้อย(ไม่ใช่น้ำเชื่อม) และน้ำแข็งใส่เพียงนิดหน่อย หอมอร่อย ไม่หวานมาก

อาชีพขายเฉาก๊วย เริ่มต้นการใช้เวลาว่างให้เป็นประโยชน์ อาจจะกลายเป็นธุรกิจที่มีอนาคตไกล สำหรับใครที่กำลังมองหางานค้าขาย ถ้าไม่มีเงินลงทุนมากมายก็ให้เริ่มจากเล็กๆไปก่อน

18 มี.ค. 2554

ทำขนมไทยขาย

ทำขนมไทยขาย
ขนมไทย เป็นอาหารที่เราคุ้นเคยกันดี เพราะเป็นขนมที่อยู่คู่กับคนไทยมานาน ขนมไทยประกอบไปด้วย วัตถุดิบที่หาได้ในแต่ล่ะท้องถิ่น เช่น แป้ง ถั่ว งา น้ำตาล กะทิ
วันนี้ขนมไทยสามารถนำมาประกอบเป็นธุรกิจระดับแฟรนไชส์ หรือโกอินเตอร์กันแล้ว หากคิดจะหารายได้จากฝีมือการทำขนมไทยขาย ก็เป็นไอเดียที่ดีไม่น้อย ขอให้ตั้งใจทำให้อร่อยรับรอง มีลูกค้าอย่างแน่นอน

ทำขนมไทยขาย


ข้าวต้มผัด (ข้าวต้มมัด)
ข้าวต้มผัด หรือข้าวต้มมัด เรียกได้เหมือนกัน ทั้งนีอาจจะเป็นลักษณะของขึ้นชนิดนี้ที่มีการมัด 2 เปลาะ จึง
เรียกว่า ข้าวต้มมัด หรือลักษณะการนำข้าวเหนียวไปผัดกับกะทิและน้ำตาลก่อนจึงเรียกว่าข้าวต้มผัด
ขนมไทยชนิดนี้ มีมาแต่โบร่ำโบราณ เป็นขนมที่ออกจะไม่ค่อยเหมือนขนมอึ่น ๆ สักเท่าไหร่ เพราะกินแล้วหนักท้องกินแล้วอิ่ม เหมือนกินข้าว คนสมัยก่อนที่ต้องเดินทางไกล มักจะนำขนมนี้ ไปกินระหว่างทาง

ข้าวต้มมัด ยังมีคนทำขายกัน หากินได้ไม่ยาก ไม่ได้หายหน้าหายตาไปไหน ไม่ได้เป็นขนมโบราณที่กำลัง
จะเลือนหายอะไรอย่างนั้น แต่หาที่อร่อย ๆ ออกจะยากสักหน่อย ฉะนั้น เรามาทำกินเองดีกว่า เผลอ ๆ ออก
ขายได้เงินอีก

ข้าวต้มมัด
ส่วนผสม
1. ข้าวเหนียว 5 กิโลกรัม
2. กะทิ (จากมะพร้าว 5-6 ลูก)
3. น้ำตาลทราย 800 กรัม
4. กล้วยน้ำว้าสุก ๆ (สุกมาแล้วสัก 2 คืน)
5. เกลือป่น
6. ใบตอง
7.ถั่วดำ
8.ตอกไม้ไผ่ ใช้มัดข้าวต้ม

วิธีการทำ
1.นำข้าวเหนียวมาล้างให้สะอาด ช่วงที่ล้างนี้มีข้อสังเกตนิดหนึ่งคือ ข้าวเหนียวที่ตักออกมาใหม่ ๆ ใส่
กะละมัง ให้น้ำให้พอดี น่ถืงกับท่วม ปริมาณน้ำขนาดนี้ให้จำไว้ เพราะช่วงที่เตรียมกะทิสำหรับผัด ใช้กะทิ
ในปริมาณนี้เช่นกัน เมื่อล้างจนสะอาดแล้ว (สัก 2-3 ครั้ง) แช่ไว้สัก ประมาณ 10 นาที ราวขึ้นมาพักไว้ในกะละมัง
2.เคี่ยวกะทิจนเดือด ใส่ข้าวเหนียวลงไปผัด จัดจนแห้ง (อย่าใช้ไฟแรง) แล้วใส่น้ำตาลทรายลงไปผัดต่อ ผัดจนน้ำตาลรัดเม็ดข้าวดีแล้ว โรยเกลือนิดหน่อย ยกลงพักไว้
3.การห่อข้าวต้มมัด ตักข้าวเหนียววางบนใบตอง ตามด้วยกล้วยน้ำว้าผ่าซีก (ถ้าลูกใหญ่ ผ่า 3ซีก ลูกเล็กผ่า 2 ซีก) ตามด้วยข้าวเหนียวทับไปอีกชั้นหนึ่ง จาก
นั้นจะประดับด้วยถั่วดำอีกก็ได้ แต่ต้องนำไปต้มมาก่อนแล้วจึงห่อ มัดด้วยตอก
4.นำไปเรียงในลังถึง ใช้เวลานึ่งชั่วโมงเศษ ๆ ก่อนยกลง นำมาแกะดูสักมัดหนึ่้ใก่อนว่าข้าวเหนียวสุกดีหรือไม่

ข้าวเิีหนียวเปียกกะทิ
ข้าวเิีหนียวดำเปียกกะทิข้าวเหนียวดาเปียกกะทิ เป็นขนมชนิดหนึ่งที่ทำง่ายมาก ชวนจะอร่อยหรือไม่นั้น อยู่ที่ฝีมือของคนปรุงแล้วล่ะ ขนมชนิดนี้ควรระวังให้มากเรื่องความหวานเพราะหากหวานมากเกินไป บางคนไม่ชอบ

ส่วนผสม
ข้าวเหนียว 500 กรัม
น้ำตาลทราย 500 กรัม
กะทิสด 2 ถ้วยตวง
เกลือป่น

ขั้นตอนการทำ
นำข้าวเหนียวดำมาต้มพอสุกแล้วใส่น้ำตาลทรายพอประมาณ อย่าใส่น้ำตาลทรายก่อน
เพราะน้ำตาลจะรัดข้าวเหนียว ทำให้ไม่สุกส่วนกะทิ นำมาเคี่ยว (ไม่ต้องนาน) และเติมเกลือ
นิดหน่อย ก็ใช้ได้

ข้าวเหนียวเปียกมะพร้าวอ่อน
ส่วนผสม
ข้าวเหนียว 500 กรัม
มะพร้าวอ่อน
น้ำตาลทราย 500 กรัม
กะทิสด 2 ถ้วยตวง
เกลือ

**อาจดัดแปลงเป็นลำไยหรึอสาคูได้ ถ้าเป็นสาคูต้องต้มให้สุกก่อน
ขั้นตอนการทำล้างข้าวเหนียวให้สะอาด นำมาต้ม (ลักษณะการทำเหมือนทำข้าวต้มธรรมดา) เมื่อเมล็ืดข้าวพองตัวแล้ว
ใส่น้ำตาลทราย ตามด้วยกะทิสด และมะพร้าวอ่อนเวลาเสิร์ฟให้หยอดหน้าด้วยกะทิข้น ซึ่งมีวิธีการทำคือ คั้น
เอาแต่หัวกะทิ ผสมด้วยเกลือ หากต้องการให้กะทิอยู่ได้นานขึ้น ให้นำไปตั้งไฟเคี่ยว โดยใส่แป้งมันละลาย
น้ำลงไปนิดหน่อย จะทำให้กะทิข้น และน่ากินมากขึ้น(การเคี่ยวกะทินี้ไม่ต้องนานมาก แค่พอกะทิเดือดและ
ข้นดีแล้วให้ยกลง)

มะพร้าวแก้ว
มะพร้าวแก้ว เป็นขนมหวานพื้นบ้าน วัตถุดิบในการทำมีเพียง มะพร้าวและน้ำตาล 2 อย่างเท่านั้นมะพร้าวแก้วมีวิธีการทำที่ไม่ยากเลย เพียงแต่หามะพร้าวทึนทึก (มะพร้าวกลางแก่กลางอ่อน)มาขูดให้เป็นเส้นยาว ลงไปเชื่อมในน้ำเชื่อมน้ำเชื่อม ที่มีส่วนผสมของ น้ำต่อน้ำตาล 1:2เคี่ยวจนขึ้นดีแล้ว จึงใส่มะพร้าวลงไป คอยให้น้ำตาลเข้าในเนื้อมะพร้าวจนขึ้นเกล็ดนั่นแหละจึงใช้ได้ จากนั้นนำขึ้นมานำซึ่งให้แห้งดี แล้วเก็บเข้าขวดโหลที่มีฝาปิดสนิท จะเก็บได้หลายวัน

ขนมตาล
ขนมหวานในคราวนี้ออกจะยุ่งยากสักหน่อย แต่หากได้ชิมขนมที่สำเร็จเสด็จออกมาจากเตาแล้ว รับรองหายเหนื่อยเป็นปลิดทิ้งทีเดียว


ส่วนผสม
ผลตาลสุก2-3 ผล
น้ำตาลทราย 6 ถ้วยตวง
กะทิ 6 ถ้วยตวง
แป้ง 6 ถ้วยตวง
มะพร้าวขูดพอประมาณ

วิธีการทำ
1.นำลูกตาลมาลอกเปลือกออกแล้วยีเอาแต่เนื้อ ใส่ถุงแป้งแขวนไว้ 12 ชั่วโมง เพื่อให้สะเด็ดน้ำ
เหลือแต่เนื้อล้วน ๆ ก่อนคิดจะทำขนมนี้ขายต้องเตรียมการล่วงหน้า 1 วัน
2.นำน้ำตาลไปเกี่ยวกับกะทิจนน้ำตาลละลา็ยระหว่างที่เกี่ยวอย่าใช้ไฟแรง

3.เมื่อได้ส่วนผสมน้ำมาแล้ว นำมาผสมกับเนื้อตาล 2 ถ้วยตวง และนวดกับแป้งจนได้ที่ จากนั้นนำส่วนผสมทั้งหมดไปตั้งทิ้งไว้กลางแดด 12 ชั่วโมง เพื่อให้เนื้อขนมขึ้นฟู ขั้นตอนนี้ หากต้องการตั้งทิ้งไว้ตอนกลางคืนจะใช้ผงฟูช่วยด้วยก็ได้ ก่อนนำไปนึ่ง ให้โรยหน้าด้วยมะพร้าวขูดผสมเกลือเล็กน้อย ขนมตาลใช้เวลาในการนิ่งนาน 15 นาที จับเวลานับแต่น้ำเดือด

ขนมกล้วย
ส่วนผสม
1.กล้วยน้ำว้า 1 หวี (10-11ผล)เลือกกล้วยที่ค่อนข้างงอมแต่ไม่ถึงกับงอมจนเละ
2. แป้งข้าวเจ้า 500 กรัม
3. แป้งมันสำปะหลัง 400 กรัม
4. น้ำตาลทราย 600 กรัม
5. มะพร้าวห้าว 500 กรัม
6. กะทิ 1 ถ้วยตวง
7. เกลือ 1 ช้อนโต๊ะ

วิธีทำ
1.นำกล้วยกับแป้งข้าวเจ้ามานวดจนเหนียว ใส่น้ำตาลทราย ใส่น้ำนิดหน่อยพอให้ตักได้ข้นๆ
2.จากนั้นจึงใส่กะทิ มะพร้าว คนให้เข้ากัน หากไม่มีมะพร้าวห้าวใช้มะพร้าวขูดใส่แทนได้ มะพร้าวห้าวที่ใช้หั่นเป็นชิ้น ๆ ไม่ต้องหนามาก
3.ตักใส่ใบตองแล้วห่อ จะห่อแบบสี่เหลี่ยม หรือใส่เป็นกระทงก็ได้แล้วนำไปนึ่งนาน 40 นาที

หรืออาจจะนำไปทอดแทนก็อร่อยไม่แพ้กัน หรือจะแบ่งทั้งนึ่ง ทั้งทอด ก็ได้ขนมอร่อย ไปอีกแบบ

กล้วยบวชชี
กล้วยบวชชีเป็นขนมพื้นบ้าน ทำง่ายที่สุด อร่อยที่สุดและราคาถูก

ส่วนผสมกล้วยบวชชี
กล้วยน้ำว้า
กะทิ
น้ำตาลทราย
เกลึอป่น


วิธีทำ
กะทที่คั้นได้ แยกไว้ เป็นหัวกะทิกับหางหางกะทิใส่หม้อ เคี่ยวสักพักใส่กล้วยใส่น้ำตาล
ทราย เกลือ ก็ใช้ได้แล้ว แต่ระวังอย่าใส่น้ำตาลมากจะหวานเกินไป กล้วยบวชชีที่อร่อยน่าจะออกรสหวาน
ปะแล่ม ๆ เค็มนิดหน่อย และมันพอควรในการทำกล้วยบวชชีนั้น ที่สำคัญที่สุดเห็นจะเป็น
ช่วงเคื่ยวกะทิ อย่าให้กะทิแตกมันเด็ดขาด มิฉะนั้นจะมันมาก และกล้วยที่ใช้ในการทำขนมนี้ คือกล้วยน้ำว้าที่
ห่าม ๆ หน่อย อย่าใช้กล้วยสุกเกินไป จะไม่อร่อย

ขนมดอกจอก
ส่วนผสม
แป้งสาลี 4 ถ้วยตวง
แป้งข้าวเจ้า 1 ถ้วยตวง
น้ำตาลทราย 1 ถ้วยตวง
เกลือ 3 ช้อนชา
งาดำ 1/2 ถ้วยตวง
แป้งมัน 2 ช้อนตวง
ไข่แดง 2 ฟอง
มะพร้าว 200 กรัม
หัวกะทิ 2 ถ้วยตวง
น้ำปูนใส 2 ถ้วยตวง
น้ำมันสำหรับทอด

วิธีการทำ
นำแป้งทั้งหมดมาผสมกัน ตามด้วยน้ำตาลทราย เกลือ งาดำ ไข่แดง มะพร้าว หัวกะทิ และน้ำปูนใส คนส่วนผสมทั้งหมดให้เข้ากันดีจากนั้นนำลงทอดในกระทะโดยใช้พิมพ์ พิมพ์สำหรับขนมดอกจอกโดยเฉพาะ จุ่มพิมพ์ลงในแป้ง อย่าจุ่มพิมพ์ให้มิดแป้ง จากนั้นนำลงในน้ำมัน ยกพิมพ์ขึ้น ขนมผุดไปเอง คอยกลับขนม 1 ครั้ง พอเหลืองแล้วตักขึ้น วางบนกระดาษสับมัน

ทับทิมกรอบ
ทับทิมกรอบ ขนมชนิดนี้ จะมีสีสันสวยงามนาม และอร่อย หวานเย้นชื่นใจ เหมาาะจะกินหน้าร้อน

ส่วนผสมของทับทิมกรอบ
แห้ว หรือมันแกว 1/2 กิโลกรัม
แป้งมัน 1 ถุง
น้ำตาลทราย 3/4 กิโลกรัม (ต้องกาพวาพากหรือน้อยเพื่อลดจำนวนได้)
น้ำสะอาด
กะทิสด (หัวกะทิ)
ขนุน

วิธีการทำ
1.ขั้นแรก หั่นมันแกว หรือแห้ว เป็นชิ้นสี่เหลี่ยมเล็ก ๆ จากนั้นใส่น้ำหวานสีแดง เพื่อให้ดูเป็นเมล็ดทับ
ทิมมากขึ้น และน่ากินกว่าสีขาวล้วน จากนั้นนำไปคลุกด้วยแปังมัน แล้วพักไว้
2.ต้มน้ำให้เดือด ใส่มันแกว หรือแห้วลงไป พอสุกจะลอยขึ้นมาเอง ตักใส่ภาชนะไว้
ส่วนน้ำเชื่อม ให้ต้มน้ำใส่น้ำตาลทราย หวานมากน้อยตามต้องการ เมื่อยเดือด ยกลงพักไว้จนเย็น
3.ฉีกขนุนชิ้นตามยาวใส่ลงไป ส่วนผสมสุดท้ายคือ กะทิ ให้นั้นเอาแต่หัวกะทิไว้หยอดหน้าทับทิมกรอบ จะทำให้ขนมหวานมัน เสิร์ฟ ใส่ถ้วยเล็กพร้อมน้ำแข็งบดละเอียด

8 มี.ค. 2554

ขายกระเพาะปลา

ขายกระเพาะปลา


กระเพาะปลา เป็นอาหาร ที่มีคนนิยมกินกันมาก ถ้าอยากขายอาจจะลงทุนมากนิดหน่อย แต่ก็กำไรมากเช่นกัน ถ้าสนใจอยากจะขายกระเพาะปลาก็ได้ มีวิธีทำไม่ยุ่งยาก มีสูตรการทำกระเพาะปลาอร่อยๆ มาฝากให้ลองทำดูด้วยครับ จะลองขายที่ตลาดหรือขายในแหล่งชุมชนก็ได้ หรือจะทำขายหน้าบ้านตัวเองก็ได้ ช่วยเพิ่มรายได้ให้อีกทาง ใช้เวลาว่างหลังเลิกงานก็ได้




วิธีทำกระเพาะปลา
ส่วนผสม
-กระเพาะปลา 1/2 กิโลกรัม
-อกไก่ 1/2 กิโลกรัม
-เลือดหมู 15 ก้อน
-โครงไก่ 3 โครง
-หน่อไม้ไผ่ดงต้มสุก 1 หน่อ
-เห็ดหอมแห้ง 25 ดอก
-แปังมัน หรือแป้งข้าวโพด ละลายน้ำ 1 ถ้วย
-ต้นหอม ผักชีหั่นหยาบ พอประมาณ
-พริกไทย ซีอิ๊วขาว
-กระเทียม 1 1/2 หัว และพริกดองน้ำส้ม
-ไข่นกกระทาต้มสุก
วิธีทำกระเพาะปลา
1.ให้นำกระเพาะปลา ไปลวกน้ำร้อนก่อน แล้วล้างน้ำเย็นหลายๆ ครั้ง (อย่าลืมบีบน้ำให้แห้ง)
ขายกระเพาะปลา2.นำเอา กระเทียม พริกไทย มาโขลกรวมกันให้ละเอียด
3.นำ เห็ดหอมแห้งไปย่างไฟให้หอมก่อนจากนั้นก็นำไปแช่น้ำให้พองตัว หั่นให้เป็นชิ้นบาง ๆ (น้ำที่แช่เห็ดหอมอย่าทิ้ง)
4. อกไก่ โครงไก่ ให้นำไปลวกน้ำร้อน1 ครั้งเพื่อไม่ให้คาว เมื่อลวกเสร็จแล้ว ก็นำไปล้างน้ำอีกครั้ง
5.ต่อจากนั้นให้นำน้ำที่แช่เห็ดหอม เทลงในหม้อ แล้วยกขึ้น ตั้งไฟให้เดือด และนำโครงไก่ อกไก่ ลงต้ม ประมาณ 1-2 ชั่วโมง เมื่อครบกำหนดแล้ว ก็ให้ตักเครื่องทั้งหมดออก นำอกไก่มาฉีกเส้นฝอยๆ
6. เมื่อได้น้ำซุปแล้ว ให้ใส่ กระเทียม พริกไทย ที่โขลก เตรียมไว้ลงไป ต้มต่อสักครู่ใ ห้ได้กลิ่นหอม ใส่กระเพาะปลาเห็ดหอม เนื้อไก่ หน่อไม้ต้มสุก เลือดหมูซีอิ๊วขาว แป้งมันลงไป และใช้ไฟอ่อนๆ ค่อยๆ เคี่ยวไปเรื่อยๆ คนทุกอย่างให้เข้า กัน ชิมรสชาติกลมกล่อม แล้วเตรียมขายได้เลย
7.เวลาตักกระเพาะปลาขาย ตักใส่ถ้วย หรือลูกค้าสั่งใส่ถุง โรยหน้าด้วยเนื้อไก่ ไข่นดกระทา ใบต้นหอม ผักชีซอย


การตั้งราคาขายกระเพาะปลา
ราคากระเพราะปลานั้น มีหลายแบบ หลายราคา แล้วแต่วัตถุที่เป้นเครื่องผสม
ราคาปกติ ที่ขายกัน จะอยู่ที่ ชามละ 30-60 บาท (แบบธรรมดา) แต่ถ้าใส่
ไข่นกกระทา 2 ลูก ก็ประมาณ 30 บาท/ชาม ถ้าใส่เนื้อปูด้วยก็ประมาณ 60 บาท/ชาม
หรือถ้าใส่หูฉลามด้วย ก็ประมาณ 150 บาท/ชาม


2 มี.ค. 2554

เปิดร้านค้าออนไลน์

เปิดร้านออนไลน์
สมัยนี้ใครๆที่เปิดร้านค้าหรือมีธุรกิจอยุ่แล้ว ส่วนใหญ่หันมาเปิดช่องทางการขายอีก1 ช่องทางนั่นคือ เปิดร้านค้าออนไลน์ ขายของผ่านทางอินเตอร์เน็ต เพราะทุกวันนี้คนใช้งานอินเตอร์เน็ตในบ้านเรามีหลายล้านคน โอกาสการขยายธุรกิจนั้นยังมีอยู่อีกมาก หากทำเวบไซต์เองไม่เป็นก็มีคนรับจ้างทำอยู่มากมาย ราคาก็มีหลายแบบขึ้นอยู่กับ สินค้าและการแข่งขัน


วันนี้ขอยกตัวอย่างการเปิดร้านค้าออนไลน์ ที่ประสบความสำเร็จมาเพื่อเป็นกรณีศึกษาให้กับท่านที่ต้องการ เปิดร้านค้าออนไลน์กันบ้าง
ร้าน LadyFatShop ที่เมื่อปีที่แล้ว กวาดรายได้ไปสูงถึง 4 ล้านบาท ตลาดคือเสื้อผ้าไซส์ใหญ่ สำหรับสาวเจ้าเนื้อทั้งหลายที่หาเสื้อผ้าใส่ยาก

ข้อมูลจำเพาะร้าน LadyFatShop

-กิจการ ขายเสื้อผ้าไซซ์ใหญ่
-ลักษณะกิจการ ร่วมหุ้น 2 คน
-เงินลงทุนเปิดร้านครั้งแรก 50,000 บาท
-จุดเด่น ใช้ผ้าอย่างดี มีเทคนิคตัดเย็บเฉพาะตัว ดีไซน์ทันสมัย กล้านำเสนอในรูปแบบที่ไม่ซ้ำใคร
-กำลังการผลิต 2 สัปดาห์ ตัดเย็บเสื้อผ้าได้ 150 ตัว
-ช่องทางจำหน่าย หน้าร้าน และในเว็บไซต์
-ยอดขาย หลักแสนบาทต่อเดือน
-กำไร 40 เปอร์เซ็นต์
-ราคาขายสินค้า เริ่มต้นชุดละ 600 บาท
-สถานที่ติดต่อ ศูนย์การค้าเซ็นทรัล พลาซา สาขาพระราม 2 ชั้น 3 junction x โซนเมเจอร์


คนอ้วนที่น้ำหนักมากๆ มักหาเสื้อผ้าใส่ยาก ถูกจำกัดอยู่แค่เสื้อยืด กางเกงยีนส์ หรือบางครั้งต้องสั่งตัด
ซึ่งตรงนี้ยังพอรับได้ แต่ที่รู้สึกว่าทนไม่ไหวคือ เวลาไปเที่ยวทะเลแล้วอยากใส่ชุดว่ายน้ำ เลยไปตระเวนหาซื้อ ก็มักไม่มีที่ถูกใจ รวมถึงลองวางขายในอินเตอร์เน็ต 50 ตัว ปรากฏสินค้าขายหมดในวลาเพียง 2 สัปดาห์ มีกำลังใจและมีทุน เลยเปิดร้านขายเสื้อผ้าสำหรับคนอ้วนเล็กๆ ควบคู่กับทำงานประจำ ในซุปเปอร์มาร์เก็ตแห่งหนึ่ง
ด้วยความเข้าอกเข้าใจคนรูปร่างเดียวกัน ชุดว่ายน้ำเป็นที่ถูกใจบรรดาสาวเจ้าเนื้อ ฉะนั้น จาก 50 ตัว เขยิบขึ้นมาเป็น 150 ตัว รวมถึงเริ่มมีชุดลำลองเข้ามาบริการ แต่ทว่าลูกค้าสู้ราคาไม่ไหว แก้ปัญหาด้วยวิธีย้ายทำเล ชุดว่ายน้ำล็อตแรกใช้เงินลงทุน 25,000 บาท ทำกำไรเท่าตัว สามารถมาเป็นทุนเปิดหน้าร้านได้ ฉะนั้น จาก 50 ตัว เพิ่มเป็น 150 ตัว และเพื่อให้สินค้าหลากหลายไปรับเสื้อผ้าไซซ์ใหญ่จากย่านประตูน้ำทว่าลูกค้าไม่ถูกใจ กลับชอบแบบที่ตัวเองสวมใส่เลยตัดออกมาขาย แต่เนื่องจากไม่ใช่งานโหลทำให้จากราคาตัวละ 300 บาท เพิ่มขึ้นเฉลี่ยตัวละ 700-800 บาท ฉะนั้น ยอดขายลดลงจากเดือนละ 100,000 บาท เหลือ 70,000 บาท เลยตัดสินใจย้ายเข้าห้างสรรพสินค้าหวังกลุ่มลูกค้าค่อนข้างมีกำลังซื้อ

ทำอย่างไร ถึงได้ยอดขายดีเรื่อยมา ได้คำตอบมาว่า ส่วนหนึ่งได้จากสื่ออินเตอร์เน็ต รวมถึงรูปแบบเสื้อผ้าที่สามารถแก้ปัญหาให้คนอ้วนได้ และดีไซน์ที่ไม่เหมือนใคร ตัวอย่างเช่น บางคนแขนใหญ่ ร้านทั่วไปมักให้ใส่เสื้อคลุม แต่ทางร้านใช้วิธีเพิ่มลูกเล่นบริเวณแขนด้วยผ้าระบาย หรือเสื้อผ้าลายขวาง ลายจุดเล็กๆ ที่บางทฤษฎีบอกว่าใส่แล้วอ้วน ทางร้านประยุกต์ตัดออกมาลงตัว สามารถอำพรางหุ่นได้ ทุกรูปแบบแฟชั่นสุดๆ ที่สำคัญ ทางร้านจะมีเทคนิคการนำเสนอที่ไม่เหมือนใครคือ จะใช้นางแบบสวมใส่ชุดให้ดู แทนการใส่ไม้แขวน เพราะเสื้อผ้าที่มีขนาดใหญ่แขวนแล้วจะดูไม่สวย ไม่น่าสวมใส่

ระยะเวลาไม่ถึงปี LadyFatShop ได้พัฒนาชุดจากไม่กี่รูปแบบ เพิ่มขึ้น อาทิ ชุดแมกซี่ (Maxi Dress) หรือชุดเดรสแบบยาวถึงข้อเท้า ชุดทำงาน ชุดไปเที่ยว ชุดราตรี ชุดออกงาน รวมถึงชุดชั้นใน ซึ่ง 90 เปอร์เซ็นต์เจ้าของจะร่วมดีไซน์ และตัดเย็บกับแผนกช่าง เพื่อให้เป็นผู้นำแฟชั่นเสื้อผ้าคนอ้วน เจ้าของร้าน บอกว่า จะดูแนวการแต่งตัว และสังเกตรูปแบบเสื้อผ้าที่ดารา นักร้องทั้งในและต่างประเทศสวมใส่จากทีวี นิตยสาร และเวทีการประกวดระดับโลกอย่างออสการ์ ชนิดว่าถ้าสวยถูกใจ จะนำมาประยุกต์ และสรรหาเนื้อผ้าตัดเย็บให้เข้ากับคนร่างใหญ่

นอกจากเสื้อผ้าร้านนี้จะสามารถแก้ไขจุดบกพร่องทางสรีระ เจ้าของร้านยังเลือกใช้ผ้าอย่างดี นำมาสกรีนลายเอง รวมถึงมีเทคนิคการตัดเย็บพิเศษ นั่นคือ เสื้อผ้าภายนอกดูมีขนาดเล็ก แต่สามารถขยายได้ 4-5 เท่า มีด้วยกัน 3 ไซซ์ ใส่ได้ตั้งแต่น้ำหนัก 65-150 กิโลกรัม ผ้าที่ทางร้านใช้หลักๆ มี 3 ชนิด คือ ผ้าเรยองเกรดเอ ผ้าไอทีวาย ผ้าเกาหลีพิมลาย ทุกชนิดราคาแพง เมตรละไม่ต่ำกว่า 1,000 บาท สาเหตุที่ใช้ผ้าเหล่านี้ เนื่องจากมีเส้นใยถี่ น้ำหนักเยอะ ความถ่วงสูง ใส่แล้วไม่พอง ไม่อ้วน ส่วนเทคนิคการตัดเย็บที่แม้จะใช้จำนวนผ้าเท่าเดิม แต่ภายนอกดูมีขนาดเล็กซึ่งคนผอมก็สามารถใส่ได้ ผ่านการคิดค้นลองผิดลองถูกร่วมกับช่างมานาน ยากที่จะเปิดเผยได้

การมีร้านค้าออนไลน์ไว้ใช้ติดต่อสื่อสาร และช่วยให้ขายง่ายเนื่องจากมีรูปภาพที่ชัดเจน และรหัสสั่งซื้อ เหมาะสำหรับลูกค้าที่ไม่สะดวกเดินทาง อาทิ ต่างจังหวัดและต่างประเทศ เฉพาะจำนวนลูกค้าที่คลิกผ่านหน้าเว็บ ปัจจุบันทั้งสิ้น 300,000 คลิก สร้างยอดขายแต่ละเดือนไม่ต่ำกว่า 50,000 บาทกันเลยทีเดียว


นี่คือ อีกหนึ่งตัวอย่างจากหลายๆธุรกิจเปิดร้านออนไลน์ที่ประสบความสำเร้จ ใครที่อยากลองเปิดธุรกิจผ่านโลกไซเบอร์ ก็น่าลองดุนะครับ ทำควบคู่กับงานประจำไปก่อนก็ได้ พอธุรกิจเติบโตค่อยขยับขยายออกมาลุยเต็มตัว โอกาสยังเปิดกว้าง ขอให้มีไอเดียและความมุ่งมั่นตั้งใจเท่านั้น

อ้างอิงที่มาจาก หนังสือ เส้นทางเศรษฐี ฉบับ 1 ส.ค.2553
ขอบคุณภาพจาก gotoknow.org





18 ก.พ. 2554

ทำเบเกอรี่ขาย

การทำเบเกอรี่ขายส่ง หรือเปิดเป็นหน้าร้านขายโดยตรงนั้น น่าสนใจ แต่การจะทำเบเกอรี่เป้นนั้นต้องเข้าอบรม โดยเริ่มจากเข้ารับการฝึกอบรมวิธีทำเบเกอรี่ในโครงการฝึกอาชีพของกรุงเทพมหานคร หรือตามสถานบันที่เปิดสอนทำเบเกอรี่ เสร็จแล้วก็ ต้องหาอุปกรณ์และทดลองทำดู ต้องหมั่นฝึกฝนฝีมืออยู่เป็นประจำจนเกิดความชำนาญ


สำหรับเบเกอรี่ที่ทำไม่ยากนักและขายได้ง่าย ก็มี 2 ชนิด นั่นก็คือ...เค้กกล้วยหอม และเค้กหน้าแยม
ก่อนอื่นต้องมีอุปกรณ์ ซึ่งหากทำเป็นกิจการเล็ก ๆ ไม่ใหญ่โตนัก อุปกรณ์หลัก ๆ ก็
จะมีดังนี้
- เตาอบ ใช้แก๊ส แบบ 1 ชั้น
- เครื่องตีส่วนผสม
-พิมพ์อบขนม
-ถาดวางพิมพ์
-ไม้พายสำหรับปาดขนม

เค้กแยม

เค้กหน้าแยม


ส่วนผสม


(ทำได้ประมาณ 32ชิ้น) ส่วนผสมนี้หาซื้อได้ตามร้ายขายวัตถุดิบการทำขนมหรือตามซุปเปอร์มาร์เก็ต
แป้งเค้ก 1.4 กิโลกรัม
น้ำตาลทรายขาว 9 ขีด
ไข่ไก่ 20 ฟอง
หัวนมสด ใช้นมที่สั่งจากนิวซีมเลนด์) 1 ถ้วยตวง
ผงฟู 1 ถ้วยตวง
กลิ่นวนีลลา 2 ฝา
สีเหลืองไข่2 ฝา
น้ำสะอาด 3 ถ้วยตวง
แยมสับปะรดแบบละเอียด
เนย และ เชอรี่ ลูกเกด-มะเขือเทศเชื่อม สาหรับตกแต่งหน้าเค้ก

วิธีทำ
1.ใส่ไข่ไก่ น้ำตาลทราย สีเหลืองไข่ กลิ่นวนิลลา ลงในหม้อตี่วนผสม โดยเปิดเครื่องแรงสุดเบอร์ 3
ตีไปเรื่อย ๆ จนส่วนผสมฟูขึ้นเกือบเต็มหม้อจึงลดลงมาเบอร์ 1
2.นำแป้งเค้ก หัวนมสด ผงฟูมาผสมกันในอ่างก่อน แล้วจึงค่อยๆทยอย ใส่ลงไนหม้อตีจนหมด เติมน้ำตามลงไปตีไปเรื่อย ๆ โดยเร่งเครื่องขึ้นมาที่เบอร์2 ไช้ไม้พายคอยปาดส่วนผสมที่ขึ้นมาเกาะตามขอบออกด้วย
ตีไปเรื่อย ๆ จนส่วนผสมต่าง ๆ เข้ากันเป็นเนื้อเดียวกัน
3.ตักใส่ภาชนะพักไว้ ตักส่วนผสมหยอดลงพิมพ์ที่ทาเนยบาง ๆ ไว้แล้วพิมพ์นั้นมีหลายแบบทั้งแบบสี่เหลื่ยม
ผืนผ้า วงกลม รูปหัวใจ
4.จากนั้นจัดวางบนถาดรองพิมพ์แล้วนำเข้าเตาอบประมาณ 15 นาทีจึงนำออกจากเตาเเยกขนมออกจากพิมพ์แล้วผึ่งไว้ให้เย็น
5.ขั้นตอนไปเอาแยมสับปะรดมายีแล้วไม่ให้เป้นก้อนจากนั้นจึงนำไปทาหน้าขนมหน้าขนม แต่งด้วยเชอรี่ ลูกเกด มะเขือเทศเชื่อม แพ็คขายได้เลย

เค้กกล้วยหอม


เค้กกล้วยหอมสูตรนมสด


(ทำได้ประมาณ 50 ชิ้น)
ส่วนผสม
เเป้งเคก 3.2 กิโลกรัม
ไข่ไก่ 25 ฟอง
น้ำตาลทราย 2.5 กิโลกรัม
กล้วยหอมสุกเปลือก 2 กิโลกรัม
น้ำมันปาล์ม 1 กิโลกรัม
ผงฟู 1 ถ้วยตวง
กลิ่นวนิลลา 2 ฝา
หัวนมสด 1 ถ้วยตวง
น้ำสะอาด 5 ถ้วยตวง

วิธีทำ
1.เริ่มจากตีไข่ไก่และน้ำตาลทรายในหม้อตีส่วนผสม ตีไปจนออกสีขาว
นวล ใส่กลิ่นวนิลลา กล้วยหอม แป้งเค้ก ผงฟูหัวนมสด น้ำมันปาล์ม และใส่น้ำลงไป จากนั้นก็
ตีไปเรื่อย ๆ โดยต้องคอยเอาไม้พายปาดสวนผสมที่เกาะตามขอบหม้อด้วย ตีต่อไปเรื่อย ๆ จน
ส่วนผสมออกสีขาวนวลเนียนก็เป็นอันใช้ใด้
2.ให้ตักลงพักในอ่างหรือกะละมัง
3.ขั้นต่อไปก็เริ่มตักหยอดใส่พิมพ์ เคล็ดลับคือให้หยอดลงตรงกลางพิมพ์เค้กที่ออกมาจึงจะดูสวยน่ารับ
ประทาน โดยนูนตรงกลางเหมือนทีเราเห็นทัวไปทั้งนี้ หากเราหยอดตรงริมพิมพ์ขนมจะออกมา
ไม่สวยหลังจากหยอดส่วนผสมแล้วก็เริ่มทยอยวางเรียงบนถาดรองพิมพ์
4.นำเข้าเตาอบประมาณ 20 นาที เท่านี้ก็จะได้เค้กกล้วยหอมสูตรนมสดพร้อมที่จะแพ็คเพื่อ
ส่งขายได้ โดยราคาขายส่งคือชิ้นละ 7 บาทหรือตั้งราคาตามความเหมาะสม ขายส่งตามร้านขนมที่มีอยู่ทั่วไปตามตลาดหรือย่านชุมชนต่าง ๆ


หากทำ 1 หม้อ 32 ชิ้น ขายส่งชิ้นละ 7 บาท ได้ 224 บาท
ก็เท่ากับจะมีกำไรประมาณ 10o แต่ละวันหากทำส่งได้ประมาณ 160 ชิ้น หรือ
ก็เท่ากับจะมีกำไรวันละ 500 บาท เดือนล่ะ15,000 บาท และหากขายปลีกหน้าร้าน ด้วยก็จะได้กำไรอีกเท่าตัว

ลำพังแค่อ่านตามที่อธิบายมานี้ อาจจะยังไม่เข้าใจต้องลองทำเพื่อให้เข้าใจขั้นตอน ดังนั้นจึงต้องใช้เวลาฝึกฝนโดยทดลองทำเพียงน้อย ๆ ไปก่อนทีสำคัญ ถ้าสนใจทำเบเกอรี่ขายจริง ๆ ควรจะไปเรียนตามที่ต่าง ๆ ที่มีการเปิดสอน จึงจะสามารถทำเป็นและทำเก่งได้ไนระยะเวลาไม่นาน

2 ก.พ. 2554

“นกกรงหัวจุก" สร้างอาชีพ

ด้วยความนิยมเลี้ยง"นกกรงหัวจุก"กันอย่างมากมาย ไม่เฉพาะแต่ในภาคใต้ ภาคอิสาน ภาค กลาง หรือเหนือ ก็หันมานิยมเลี้ยงนกกรงหัวจุกกันมากขึ้น ส่งผลทำให้เกิดอาชีพที่เกี่ยวข้องกับ "นกกรงหัวจุก" อย่างมากมาย เช่น ช่างทำกรง ช่างทำตะขอแขวนกรง ช่างเย็บผ้าคลุมกรง ผู้ผลิตสูตรอาหารนกกรงหัวจุก ฯลฯ
คนที่เลี้ยงนกกรงหัวจุกมีอยู่เป็นจำนวนมาก ตั้งแต่ระดับหมู่บ้าน ตำบล อำเภอ จังหวัด และระดับประเทศ ในทุกภาคของบ้านเรา รวมไปถึงประเทศมาเลเซียและสิงคโปร์ ที่ผ่านมา มักมีการจัดการแข่งขันการประกวดกันอยู่เป็นประจำ
นกกรงหัวจุก

จนมีการจัดตั้งชมรมนกกรงหัวจุกในทุกระดับตั้งแต่ระดับหมู่บ้าน ตำบล อำเภอ จังหวัด และระดับประเทศโดยประสานงานกันเป็นเครือข่ายว่าจะมีการจัดประกวดแข่งขันกันที่ไหนบ้าง จากนั้นทุกชมรม จะจัดส่งนกกรงหัวจุกเข้าประกวด ทำให้การประกวดสนุกสนานและคึกคักไปทั่ว

นกกรงหัวจุก ชอบกินผลไม้ พวก กล้วย มะละกอ แต่ผลไม้ก้มีราคาแพงขึ้นมาก ทำให้หลายคนคิดค้นสูตรอาหารสำหรับนกกรงหัวจุก ออกมาเป็นทางเลือกให้สำหรับคนเลี้ยงนก พูดได้ว่านกกรงหัวจุกสามารถสร้างงานสร้างอาชีพถึงระดับรากหญ้า รายได้กระจายออกไปสู่ชนบท

นอกจากอาชีพช่างทำกรง และอาชีพคิดค้นสูตรอาหารแล้ว อาชีพ ช่างทำตะขอ แขวนกรงนกกรงหัวจุก นับเป็นอีกอาชีพหนึ่ง สามารถสร้างรายรับให้กับผู้ผลิตได้เป็นอย่างดี โดยเริ่มจากการที่ พวกช่างตีทอง ตีทองเหลือง ซึ่งมีความสามารถด้านการขึ้นรูปโลหะด้วยมือ หันมานิยมเลี้ยงนกกรงหัวจุก เมื่อพวกเขาอยากให้กรงของตัวเองมีเอกลักษณ์ จึงตีตะขอขึ้นรูปสวยงาม ในแบบที่ชอบไว้ใช้เอง เมื่อเพื่อนฝูงเห็นจึงขอแบ่งปันไปใช้โดยจ่ายค่าตอบแทนให้ มูลค่าของตะขอดังกล่าวจึงเกิดขึ้นตั้งแต่นั้นมา กระทั่งมีการซื้อเก็บสะสมเหมือนกับของเก่าประเภทอื่นๆ

เปรียบเทียบให้เห็นกันว่าสมมุติมีเงิน 30,000 บาท แบ่งไปซื้อกรงนกกรงหัวจุก 10,000 บาท ซื้อตู้ปลา 10,000 บาท ซื้อกรงสุนัข 10,000 บาท แล้วตั้งไว้เฉยๆ 10 ปี กรงนกกรงหัวจุกมีราคาเพิ่มแน่นอน ยิ่งถ้าได้ของจากช่างมีชื่อเสียงโด่งดัง คือวันนี้ไม่ดัง แต่อีก 10 ปีเขาเกิดดัง ราคาเพิ่มแน่ ไม่ต่ำกว่า 30,000 บาท ขณะที่ตู้ปลา ยกให้ฟรีไม่มีใครเอา ส่วนกรงสุนัขตั้งไว้เฉยๆ ก็ผุกร่อน ทั้งกรงและตะขอแขวนกรงนกกรงหัวจุก จึงกลายเป็นของสะสมมีค่า มีราคาความนิยมเลี้ยงนกกรงหัวจุก นับว่าเป็นโอกาสของหลายอาชีพ อย่างคนมีฝีมือด้านศิลปะ ถ้าหันมาทำกรงนกกรงหัวจุก

ชนิดของกรง ที่ใช้เลี้ยงนกกรงหัวจุก
กรงนกกรงหัวจุก
กรงที่ใช้เลี้ยงนกกรงหัวจุก มีอยู่หลายประเภท พอจะแบ่งได้ดังนี้

1. กรง นกกรงหัวจุกทั่วๆ ไป จะเป็นกรงแบบสี่เหลี่ยมแบบธรรมดาแบบหลังคาโค้ง

2. กรงประกวดแข่งขัน อาจเป็นกรงที่เลี้ยงอยู่ทุกวันก็ได้ หรือเป็นกรงที่ผู้เลี้ยงทำไว้เฉพาะเวลานำนกกรงหัวจุกไปประกวดแข่งขัน จะเป็นกรงที่มีความละเอียด มีความประณีต และลวดลายแกะสลักสวยงามเป็นพิเศษ

3. กรงสำหรับใส่เวลานกผลัดขน ส่วนมากจะนิยมทรงสี่เหลี่ยมแบบธรรมดา แต่กรงจะมีความกว้างและใหญ่กว่ากรงธรรมดาทั่วๆ ไป ซึ่งกรงจะมีความสูงประมาณ 30 นิ้ว คานล่างเป็นรูปสี่เหลี่ยมด้านเท่า มีความกว้างประมาณ 25 นิ้ว คานบนเป็นรูปสี่เหลี่ยมด้านเท่า มีความกว้างประมาณ 20 นิ้ว ที่ทำกรงให้ใหญ่กว่าการเลี้ยงธรรมดา ก็เพราะต้องการให้นกกรงหัวจุกอยู่สบาย กระโดดไปมาได้ไกล เป็นการให้นกได้ออกกำลัง ผลัดขนได้เร็ว

4. กรงพักนก เป็นกรงที่ทำให้มีขนาดใหญ่ ตั้งอยู่บนพื้น กรงมีความกว้างประมาณ 1 เมตรขึ้นไป มีความยาวประมาณ 2 เมตรขึ้นไป ความสูงประมาณ 1.5-2.1 เมตร โดยมีขากรงสูงประมาณ 50 เซนติเมตร - 1 เมตร ใช้ตาข่ายสีฟ้าหรือลวดตาข่ายปิดล้อมกรงทั้ง 6 ด้าน มีประตูปิด-เปิด 1 ด้าน ในกรงมีที่ให้นกเกาะ มีน้ำและอาหารเตรียมไว้ให้ การทำกรงพักใหญ่ เพื่อให้นกได้บินออกกำลังนกก็จะแข็งแรงขึ้น นกเคยอยู่ในกรงเล็ก เมื่อมาอยู่ในกรงใหญ่จะสะดวกสบาย สามารถบิน กระโดดออกกำลังได้เต็มที่

ไม้ที่ทำกรงนกกรงหัวจุก

ถ้าเป็นกรงของนกกรงหัวจุกที่มีราคาแพง จะใช้ไม้ที่มีเนื้อแข็งมาทำเสา ทำคาน ทำลวดลาย ถ้าเป็นกรงนกกรงหัวจุกแบบธรรมดา ก็จะใช้ไม้เนื้ออ่อนทั่วๆ ไป ส่วนไม้ที่นำมาทำซี่ลูกกรง ได้แก่ ไม้ไผ่สีสุก ไม้ไผ่ลำมะลอก ไม้ไผ่ตง และไม้ไผ่อื่นๆ แต่ไม้ไผ่ที่ดีที่สุดคือ ไม้ไผ่สีสุก
สำหรับไม้ไผ่ที่จะนำมาทำซี่กรงนั้น ถ้าจะให้ทนทาน แข็งแรง และอยู่ได้นาน วิธีการทำให้นำไม้ไผ่ที่แก่จัดจริงๆ ถ้าเอาไม้ไผ่อ่อน เนื้อจะไม่เหนียว เมื่อนำมาดัดจะหักได้ง่าย โดยนำไม้ไผ่ไปแช่น้ำทะเลนานประมาณ 2-3 เดือน ก่อนจะผ่ามาเหลา จากนั้นนำขึ้นมาจากน้ำทะเล มาไว้ในที่ร่ม เพื่อให้น้ำทะเลที่อยู่ในเนื้อไม้ไผ่ระเหยออกไปประมาณ 2-3 เดือนก่อน จะทำให้เนื้อไม้ไผ่เหนียว มอดไม่กิน เวลาเหลาไม้ไผ่เนื้อไม้จะสวยสดคงที่

โครงสร้างของกรงนกกรงหัวจุก หลักๆ มีดังนี้

1. ขากรง ใช้เสากรงเป็นขาเลยก็ได้ หรือจะมีหัวขากรงเป็นเหล็ก เป็นพลาสติก หรือเป็นไม้

2. คานล่างเป็นแผ่นไม้ ซึ่งอาจจะเป็นแผ่นไม้เรียบๆ หรือจะแกะเป็นลวดลาย

3. คานกลาง อาจจะมีหรือไม่มีก็ได้ จะเป็นไม้เรียบๆ หรือแกะสลักให้ดูสวยงามก็ได้

4. คานบนเป็นแผ่นไม้ ซึ่งอาจจะเป็นแผ่นไม้เรียบๆ หรือแกะสลักก็ได้

5. ซี่กรง จะเป็นไม้ไผ่มาเหลา ให้มีเส้นผ่าศูนย์กลางขนาด0.3-0.4 มิลลิเมตร

6. เสากรง จะเป็นแผ่นไม้แบบเรียบๆ หรือแกะสลักก็ได้

7. หัวกรง จะเป็นหัวที่ยึดกับตัวกรง เป็นหัวกลึง เป็นไม้ เป็นพลาสติก หรือเป็นงาช้าง ถ้าเป็นงาช้างราคาจะแพง

8. ตะขอแขวนกรงนก ใช้เป็นเหล็ก หรือทองเหลือง มีทั้งแบบทำสำเร็จรูปขาย หรือแบบสั่งทำ

หากสนใจอาชีพ สร้างเงินจาก นกกรงหัวจุก สร้างรายได้ ติดต่อร้าน ศักดิ์สยาม จำหน่ายอุปกรณ์นกกรงหัวจุก ทุกชนิด ทั้งปลีกและส่ง สนใจสินค้าหรืออยากนำผลงานเกี่ยวกับนกกรงหัวจุก หรือสูตรอาหาร สามารถติดต่อไปได้ ยินดีให้คำปรึกษา ร้านเปิดไม่มีวันหยุด เวลา 09.00-17.00 น. สาขา 1 ตลาดศรีสมรัตน์ จตุจักร สาขา 2 ถนนสามัคคี จังหวัดนนทบุรี โทร. (081) 645-8262 , (089) 494-9120

ขอบคุณภาพจาก
gotoknow.org
thaionlinemarket.com