วันยังค่ำ สูตรอาหารที่จะให้ในวันนี้ สามารถทำออกจำหน่ายได้ด้วย และขอบอกล่วงหน้าก่อนว่า ถ้าทำได้อร่อย จะขาย
ได้ง่ายอีกต่างหาก เพราะคนค่อนข้างนิยมในรสชาติ อาหาีีรว่างนั่นคือ หมูสะเต๊ะ

ขอบคุณภาพจากrecipes95.blogspot.com
ข้อดีของหมูสะเต๊ะ คือ ลงทุนน้อย ขายได้แน่นอน ตามร้านขายอาหารทั่วไป บางครั้ง มีหมูสะเต๊ะเป็นตัวเสริม ลูกค้าจะสั่งมาเป็นออร์เดิร์ฟ เรียกน้ำย่อย ก่อนที่จะกินอย่างจริงจังในอีกไม่กี่นาทีข้างหน้า หรือตามตลาดที่เห็นอย่างกันโขมงโฉงเฉง นั่นก็เป็นการขายหมูสะเต๊ะเพียงอย่างเดียว ลูกค้าไม่ใช่จะสั่งกันแค่ 2-3 ไม้ แต่หมูสะเต๊ะนี่ เค้าสั่งกินกันที่เป็น 20-30 ไม้ เพราะ คนขายนิยมเสียบหมูไม้เล็ก ๆ พอคำ การลงทุนทำหมูสะเต๊ะ ไม่น่าจะเกิน1,000 บาท
สำหรับเตาปิ้งหมูแบบยาว ๆ นั้น เคยถามคนที่ทำอาชีพนี้ บอกว่า เตาละ 2๐๐ กว่าบาทเท่านั้น (แบบธรรมดาส่วนกำไร น่าจะได้มากกว่า 50% ขึ้นไป)
ทำเลที่เหมาะสมสำหรับการขายหมูสะเต๊ะ คงเป็น ทำเลทั่วไปคือ มีผู้คนพลุกพล่าน ในตลาด ใกล้โรงเรียนหรืออาจจะเช่าหน้าร้านขายอาหารเลยก็ได้
ขั้นตอนการทำหมูสะเต๊ะอย่างละเอียด
หมูสะเต๊ะ จะทำให้อร่อย ต้องเริ่มต้นตั้งแต่การ เลือกหมู หมู สำหรับการทำหมูสะเต๊ะคือ หมูสันใน (กิโลละประมาณ 120-150 บาท) และเป็นหมูสันในที่สด สะอาด
ไม่มีกลิ่น ได้หมดแล้วนำมาล้างให้สะอาด ผึ่งหมูให้แห้ง นำมาหั่น ขอเน้นว่าหั่นตามขวาง (เนื้อหมูจะมีลักษณะเป็นเส้นยาว ให้หั่นตามขวาง เพื่อประโยชน์ในการหมักหมู
ต่อไป )
เครื่องหมัก
เครื่องที่จะนำมาหมักหมู ประกอบด้วย กะทิผงกะหรี่ นมสด สีผสมอาหารสีเหลือง (เลือกสีที่มีสัญลักษณ์ อย. ) น้ำตาล นำมาผสมเข้าด้วยกัน แล้วราดลงบนหมูที่หั่นตามขวาง ไม่ต้องใช้มือคลุก แค่ขยับถาด
ไปมา น้ำหมักจะค่อย ๆ ลงไปเอง เอาเข้าตู้เย็น แช่ไว้ประมาณ 2-3 ชั่วโมง (ไม่ต้องแช่ในช่องแข็ง เพราะต้องการให้น้ำหมักซึ่งเข้าเนื้อหมูเท่านั้น)นำออกจากตู้เย็นมาเสียบไม้ เรียงในถาด แล้วนำ
เข้าช่องแช่แข็ง แช่ไว้ อีก 24 ชั่วโมง
น้ำจิ้มหมูสะเต๊ะ
มีส่วนผสมดังนี้
กะทิ 5 กิโลกรัม
ถั่วลิสง 1/2 กิโลกรัม
น้ำพริกหมูสะเต๊ะ 1/2 กิโลกรัม
น้ำตาลปี๊บ 1.5 กิโลกรัม
น้ำปลา 120 ซีซี
น้ำส้มสายชู 120 ซิซิ
กะทิ ซื้อในตลาดแบบที่ให้แม่ค้าคั้นเลยแยก หัวกะทิ หางกะทิมาด้วย ถั่วลิสง ซื้อมาคั่วเอง (ซื้อที่คั่วไว้แล้ว อาจเหม็นหืน หรือมีเชื้อรา)
คั่วพอหอม เอาเปลือกออกนำไปตำหรือปั่นกับเครื่องให้ละเอียด เน้นว่าต้องละเอียด เป็นเม็ด ๆ แบบทรายหยาบก็ไม่ได้
น้ำพริกหมูสะเต๊ะ 1/2 กิโลกรัม ได้จาก น้ำพริกมัสมั่น 200 กรัม และน้ำพริกแกงเผ็ด 300 กรัม
นำมาผสมกัน หรืออาจจะมีน้ำินี้ผสมขายกันอยู่แล้ว
เมื่อทราบส่วนผสมและรายละเอียดของส่วนผสมแล้ว ขั้นแรก เคี่ยวกะทิ จนแตกมัน ใส่ถั่วลิสงที่ป่นแล้ว ใช้ไฟกลาง คนไปเรื่อย ๆ ให้น้ำพริก ใส่น้ำตาลปี๊บ น้ำปลา และน้ำส้มสายชู พอเดีอด แตกมันเริ่มมีสีแดง ก็
ใช้ได้
อาจาด
มีส่วนผสมของน้ำจิ้มกับผัก
-น้ำจิ้ม ประกอบด้วย น้ำตาลทราย 2 กิโลกรม น้ำส้มสายชู 1 ขวด และเกลือปน 1๐๐ กรัม (1 ขีด) ใส่หม้อรวมกัน ตั้งไฟให้ละลายแล้วยกลงเลย ไม่ต้องเคี่ยวเพราะถ้าเคียวน้ำตาลไหม้ น้ำจิ้มจะไม่เงา และมีกลิ่น
น้ำตาลไหม้
-ผักที่ใช้มีแตงกวา หั่นใหญ่กว่าแตงกวาในน้ำจิ้มทอดมัน พริกชี้ฟ้าเหลือง (อย่าใช้สีเขียว เพราะสีจะปนไปกับแตงกวา) หั่นตามขวาง ร่อนเอาเม็ดออก ใช้เฉพาะตัวพริก หอมแขก
เลือกหัวที่ไม่ใหญ่นัก (เหมือนหอมแดง มีขนาดใหญ่กว่า สีเหลือง ๆ ออกส้ม อย่าใส่หอมแดง) หั่นตามขวาง
***ข้อควรระวัง คือ เมื่อนำหมูออกมาจากช่องแช่แข็งปล่อยให้ละลายเอง อย่าดึงออก เพราะจะได้แต่ไม้ ไม่มีหมูติดมา ส่วนที่นำไปปิ้ง พรมด้วยหางกะทิผสมเกลือ ส่วนผสมขนาดนี้
จะทำหมูสะเต๊ะได้ราว 1,๐๐๐ไม้ ราคาขายอาจจะอยู่ที่ 2.5-3.0 บาท
อาชีพขายหมูสะเต๊ะ
การลงทุน - ประมาณ 1,๐๐๐ บาท
กำไร - มากกว่า 50 เปอร์เซ็นต์
วัสดุอุปกรณ์
- ถาด ไม้เสียบหมู เตาปิ้งหมู (แบบยาว) และอุปกรณ์อึ่น ๆที่ใช้ในครัวเรือน เช่น กระทะ ทัพพี กะละมัง เขียง มีด
สวนผสม
- หมูสันใน กะทิ ผงกะหรี่นมสด สีผสมอาหาร น้ำตาลททยถั่วลิสง น้ำตาลปี๊บ น้ำปลา น้ำส้มสายชู น้ำพริกหมูสะเต๊ะ แตงกวา เกลือพริกชี้ฟ้าเหลือง หอมแขก
ทำเล - ในตลาด แหล่งชุมชน สถานศึกษา เปิดท้านตลาดนัด หรือหน้าร้านอาหาร
*** ทดลองทำปรับสูตรไปเรื่อยๆจนพอใจ ต้องอาศัยความชำนาญนิดนึง ราคาส่วนผสมต่างๆอาจจะขึ้นลง เปลี่ยนแปลงไปตามกาลเวลา