23 พ.ค. 2554

ขายหมูสะเต๊ะ

อาชีพขายอาหาร ยังเป็นอาชีพทีไปได้ดี ก่ว่าเศรษฐกิจจะพลิกผันอย่างไร เพราะถึงอย่างไร มนุษย์ก็ต้องกินอยู่
วันยังค่ำ สูตรอาหารที่จะให้ในวันนี้ สามารถทำออกจำหน่ายได้ด้วย และขอบอกล่วงหน้าก่อนว่า ถ้าทำได้อร่อย จะขาย
ได้ง่ายอีกต่างหาก เพราะคนค่อนข้างนิยมในรสชาติ อาหาีีรว่างนั่นคือ หมูสะเต๊ะ

ขายหมูสะเต๊ะ

ขอบคุณภาพจากrecipes95.blogspot.com


ข้อดีของหมูสะเต๊ะ คือ ลงทุนน้อย ขายได้แน่นอน ตามร้านขายอาหารทั่วไป บางครั้ง มีหมูสะเต๊ะเป็นตัวเสริม ลูกค้าจะสั่งมาเป็นออร์เดิร์ฟ เรียกน้ำย่อย ก่อนที่จะกินอย่างจริงจังในอีกไม่กี่นาทีข้างหน้า หรือตามตลาดที่เห็นอย่างกันโขมงโฉงเฉง นั่นก็เป็นการขายหมูสะเต๊ะเพียงอย่างเดียว ลูกค้าไม่ใช่จะสั่งกันแค่ 2-3 ไม้ แต่หมูสะเต๊ะนี่ เค้าสั่งกินกันที่เป็น 20-30 ไม้ เพราะ คนขายนิยมเสียบหมูไม้เล็ก ๆ พอคำ การลงทุนทำหมูสะเต๊ะ ไม่น่าจะเกิน1,000 บาท

สำหรับเตาปิ้งหมูแบบยาว ๆ นั้น เคยถามคนที่ทำอาชีพนี้ บอกว่า เตาละ 2๐๐ กว่าบาทเท่านั้น (แบบธรรมดาส่วนกำไร น่าจะได้มากกว่า 50% ขึ้นไป)
ทำเลที่เหมาะสมสำหรับการขายหมูสะเต๊ะ คงเป็น ทำเลทั่วไปคือ มีผู้คนพลุกพล่าน ในตลาด ใกล้โรงเรียนหรืออาจจะเช่าหน้าร้านขายอาหารเลยก็ได้

ขั้นตอนการทำหมูสะเต๊ะอย่างละเอียด
หมูสะเต๊ะ จะทำให้อร่อย ต้องเริ่มต้นตั้งแต่การ เลือกหมู หมู สำหรับการทำหมูสะเต๊ะคือ หมูสันใน (กิโลละประมาณ 120-150 บาท) และเป็นหมูสันในที่สด สะอาด
ไม่มีกลิ่น ได้หมดแล้วนำมาล้างให้สะอาด ผึ่งหมูให้แห้ง นำมาหั่น ขอเน้นว่าหั่นตามขวาง (เนื้อหมูจะมีลักษณะเป็นเส้นยาว ให้หั่นตามขวาง เพื่อประโยชน์ในการหมักหมู
ต่อไป )

เครื่องหมัก
เครื่องที่จะนำมาหมักหมู ประกอบด้วย กะทิผงกะหรี่ นมสด สีผสมอาหารสีเหลือง (เลือกสีที่มีสัญลักษณ์ อย. ) น้ำตาล นำมาผสมเข้าด้วยกัน แล้วราดลงบนหมูที่หั่นตามขวาง ไม่ต้องใช้มือคลุก แค่ขยับถาด
ไปมา น้ำหมักจะค่อย ๆ ลงไปเอง เอาเข้าตู้เย็น แช่ไว้ประมาณ 2-3 ชั่วโมง (ไม่ต้องแช่ในช่องแข็ง เพราะต้องการให้น้ำหมักซึ่งเข้าเนื้อหมูเท่านั้น)นำออกจากตู้เย็นมาเสียบไม้ เรียงในถาด แล้วนำ
เข้าช่องแช่แข็ง แช่ไว้ อีก 24 ชั่วโมง

น้ำจิ้มหมูสะเต๊ะ
มีส่วนผสมดังนี้
กะทิ 5 กิโลกรัม
ถั่วลิสง 1/2 กิโลกรัม
น้ำพริกหมูสะเต๊ะ 1/2 กิโลกรัม
น้ำตาลปี๊บ 1.5 กิโลกรัม
น้ำปลา 120 ซีซี
น้ำส้มสายชู 120 ซิซิ

กะทิ ซื้อในตลาดแบบที่ให้แม่ค้าคั้นเลยแยก หัวกะทิ หางกะทิมาด้วย ถั่วลิสง ซื้อมาคั่วเอง (ซื้อที่คั่วไว้แล้ว อาจเหม็นหืน หรือมีเชื้อรา)
คั่วพอหอม เอาเปลือกออกนำไปตำหรือปั่นกับเครื่องให้ละเอียด เน้นว่าต้องละเอียด เป็นเม็ด ๆ แบบทรายหยาบก็ไม่ได้
น้ำพริกหมูสะเต๊ะ 1/2 กิโลกรัม ได้จาก น้ำพริกมัสมั่น 200 กรัม และน้ำพริกแกงเผ็ด 300 กรัม
นำมาผสมกัน หรืออาจจะมีน้ำินี้ผสมขายกันอยู่แล้ว
เมื่อทราบส่วนผสมและรายละเอียดของส่วนผสมแล้ว ขั้นแรก เคี่ยวกะทิ จนแตกมัน ใส่ถั่วลิสงที่ป่นแล้ว ใช้ไฟกลาง คนไปเรื่อย ๆ ให้น้ำพริก ใส่น้ำตาลปี๊บ น้ำปลา และน้ำส้มสายชู พอเดีอด แตกมันเริ่มมีสีแดง ก็
ใช้ได้

อาจาด
มีส่วนผสมของน้ำจิ้มกับผัก
-น้ำจิ้ม ประกอบด้วย น้ำตาลทราย 2 กิโลกรม น้ำส้มสายชู 1 ขวด และเกลือปน 1๐๐ กรัม (1 ขีด) ใส่หม้อรวมกัน ตั้งไฟให้ละลายแล้วยกลงเลย ไม่ต้องเคี่ยวเพราะถ้าเคียวน้ำตาลไหม้ น้ำจิ้มจะไม่เงา และมีกลิ่น
น้ำตาลไหม้
-ผักที่ใช้มีแตงกวา หั่นใหญ่กว่าแตงกวาในน้ำจิ้มทอดมัน พริกชี้ฟ้าเหลือง (อย่าใช้สีเขียว เพราะสีจะปนไปกับแตงกวา) หั่นตามขวาง ร่อนเอาเม็ดออก ใช้เฉพาะตัวพริก หอมแขก
เลือกหัวที่ไม่ใหญ่นัก (เหมือนหอมแดง มีขนาดใหญ่กว่า สีเหลือง ๆ ออกส้ม อย่าใส่หอมแดง) หั่นตามขวาง

***ข้อควรระวัง คือ เมื่อนำหมูออกมาจากช่องแช่แข็งปล่อยให้ละลายเอง อย่าดึงออก เพราะจะได้แต่ไม้ ไม่มีหมูติดมา ส่วนที่นำไปปิ้ง พรมด้วยหางกะทิผสมเกลือ ส่วนผสมขนาดนี้
จะทำหมูสะเต๊ะได้ราว 1,๐๐๐ไม้ ราคาขายอาจจะอยู่ที่ 2.5-3.0 บาท


อาชีพขายหมูสะเต๊ะ
การลงทุน - ประมาณ 1,๐๐๐ บาท
กำไร - มากกว่า 50 เปอร์เซ็นต์
วัสดุอุปกรณ์
- ถาด ไม้เสียบหมู เตาปิ้งหมู (แบบยาว) และอุปกรณ์อึ่น ๆที่ใช้ในครัวเรือน เช่น กระทะ ทัพพี กะละมัง เขียง มีด
สวนผสม
- หมูสันใน กะทิ ผงกะหรี่นมสด สีผสมอาหาร น้ำตาลททยถั่วลิสง น้ำตาลปี๊บ น้ำปลา น้ำส้มสายชู น้ำพริกหมูสะเต๊ะ แตงกวา เกลือพริกชี้ฟ้าเหลือง หอมแขก
ทำเล - ในตลาด แหล่งชุมชน สถานศึกษา เปิดท้านตลาดนัด หรือหน้าร้านอาหาร

*** ทดลองทำปรับสูตรไปเรื่อยๆจนพอใจ ต้องอาศัยความชำนาญนิดนึง ราคาส่วนผสมต่างๆอาจจะขึ้นลง เปลี่ยนแปลงไปตามกาลเวลา